สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
จันดารา ปัจฉิมบท : โศกนาฏกรรมกรีกอันล้มเหลว
  อัญชลี ชัยวรพร / 10 กุมภาพันธ์ 2556
  LINK : ข้อมูลหนัง  
  วิจารณ์ "จันดาราปฐมบท" - การเมืองเรื่องเปลื้องผ้า เอ็กซิสตองค์ และมิติที่หายไป
 
Share |
Print   
       
 

 

คราวที่แล้ว ดิฉันได้วิจารณ์ “จันดาราปฐมบท” โดยใช้มุมมองศิลปะเปรียบเทียบกับงานประพันธ์ต้นฉบับของอุษณีย์ เพลิงธรรม และภาพยนตร์ฉบับนนทรีย์ นิมิบุตร

เพื่อความเป็นธรรม คราวนี้เราจะตัดมุมมองดังกล่าวทิ้งให้หมด  แต่พิจารณาเฉพาะตัวภาพยนตร์ในส่วนของหม่อมน้อย เพราะการสร้างภาพยนตร์ในยุคปัจจุบันเน้น “การตีความใหม่” ซึ่งเราก็น่าจะให้โอกาสกับหม่อมน้อยในส่วนนี้

ผลปรากฎว่า อาการมันยิ่งหนักเข้าไปอีก โดยเฉพาะในส่วนของภาคปัจฉิมบท

คราวที่แล้ว จันดาราปฐมบท ยังมีมุมมองในเชิงจิตวิทยาหรือปมโอดิปุสโผล่มาให้เห็น ให้เราเข้าใจ คราวนี้มันแทบไม่มีอะไรเลย ไม่รู้ว่าหนังจะไปทางไหน และมีโจทย์อะไรในใจผู้กำกับที่ใช้กำหนดแนวทางของหนัง

เพราะหนังเต็มไปด้วยการเล่าเรื่องที่ไร้ทิศทาง ความไร้เหตุและผลของบทกับองค์ประกอบ ความไม่สมดุลย์ในการพัฒนาตัวละคร การแสดงอันอ่อนหัด ไม่ต้องพูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของต้นฉบับที่ถูกทำลายแทบทั้งหมด

อันที่จริงแล้ว ปีนี้มีภาพยนตร์ที่ใช้ศาสตร์ของการตีความใหม่หลายเรื่อง  ซึ่งทุกครั้งผู้กำกับต่างมีโจทย์หรือแกนในการวางกรอบความหมายใหม่ อาทิ พี่มากพระโขนง ก็ เน้นการเล่าตำนานแม่นาคในมุมมองของพ่อมาก รวมทั้งใช้กรอบของหนังตลก ขณะที่ คู่กรรมฉบับเรียวกิตติกร ก็เน้นมุมมองของโกโบริพร้อมโจทย์แนวหนังรักเกาหลี

แต่จันดารา ปัจฉิมบท เป็นหนังที่ไม่มีทิศทาง ไร้แกนหรือโจทย์ในการตีความใหม่นี้

เมื่อครั้งที่ชม จันดาราปฐมบท นั้น อดรู้สึกไม่ได้ว่ากำลังดูละครโศกนาฎกรรมแบบกรีก แต่ไม่ชัดเจน เพราะความรู้เรื่องโศกนาฏกรรมกรีกของตนเองเริ่มจางหายไป จนกระทั่งกลับมาทำการบ้านใหม่ ก่อนไปชมหนังภาคล่าสุด ก็ให้เห็นว่าครึ่งแรกของภาคสุดท้ายนั้นมีมิติของละครโศกนาฏกรรมแบบกรีก (Greek tragedy) เป็นโจทย์นำทางในการตีความใหม่

เพียงแต่การบังคับให้ดำเนินตามโจทย์ใหม่นี้ไม่สัมฤทธิ์ผล

ตามแนวทางของละครโศกนาฏกรรมกรีกนั้น นิยมใช้เรื่องราวของคนมีชื่อเสียงหรือผู้มีอำนาจมาเป็นแกนหลักในการดำเนินเรื่อง   เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเลวร้ายที่บุคคลหนึ่งจะพึงประสบ ผู้ชมในฐานะผู้ร่วมเหตุการณ์   ก็จะรับรู้ถึงโศกนาฏกรรมต่าง ๆ เหล่านั้นด้วย และยอมรับว่ามันเป็นบัญชาจากพระเจ้า แล้วผู้ชมก็จะเข้าใจว่าทำไมตัวละครจะต้องก่ออาชญากรรมเช่นนั้น  แนวละครเช่นนี้มักจะมีจุดเริ่มต้นด้วยบทเกริ่น หรือ prologue ที่ตัวละครจะมากล่าวแนะนำเรื่องและเบื้องหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กำลังตามมา ก่อนที่จะตามมาด้วยตอนต่อ parados (มักจะแบ่งออกเป็น 3 องค์) และตอนจบที่เรียกว่า exodus

 

 

จันดารา ทั้งปฐมบทและปัจฉิมบท ต่างดำเนินตามแนวทางของโศกนาฏกรรมกรีกทั้งหมด ตั้งแต่ภาพแรกที่จันในวัยชรามาแนะนำและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา จันเองก็เป็นคนมีอำนาจในสังคม โศกนาฏกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา ล้วนเป็นกรรมตามหลักพุทธ ไม่แตกต่างจากบัญชาของพระเจ้าในคริสต์ศาสนา

แต่ปัญหาก็คือหม่อมน้อยประสบความล้มเหลวในการสร้างพลังโศกนาฏกรรมแบบกรีกทุกอย่าง จนไม่สามารถทำให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจในลิขิตแห่งพระเจ้าหรือกรรมตามศาสนาพุทธ

ประการแรก ความไร้เหตุและผลของบทกับองค์ประกอบ ซึ่งเยอะมากโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของภาคปัจฉิมบท ยกตัวอย่างง่าย ๆ เหตุผลที่นายจอม กล่าวอ้างในการลักพาตัวดารา แม่ของจันนั้น มันช่างไร้สาระอย่างถึงที่สุด เช่นเดียวกับเหตุผลที่คุณบุญเลื่องยอมรับพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของคุณแก้ว กลายเป็นผู้ใหญ่ถูกกระทำ  ยังไม่รวมหน้าตาและเครื่องแต่งกายของเหล่าโจรที่เป็นลูกครึ่ง (พอจะเข้าใจอยู่ว่าต้องการให้้คนดูรู้สึกว่าทุกคนมีสิทธิ์จะเป็นพ่อของไอ้จันทั้งสิ้น) ชวนให้นึกถึงเคาบอยฉบับ “ฟ้าทะลายโจร” (แต่เหล่าลูกสมุนใน “ฟ้าทะลายโจร” หน้าตาเป็นโจรห้าร้อยกว่าสมุนของคุณจอมมากนะคะ)

รวมทั้งบทพูดหลาย ๆ ตอนที่น่าจะเป็นคำพูดของตลกคาเฟ่มากกว่าจะหลุดจากปากของคุณจันหรือคุณบุญเลื่อง ดิฉันหัวเราะก๊ากทันทีที่คุณจันบอกให้คุณบุญเลื่องช่วยเอาน้ำแข็งถูหลังให้หน่อย แถมฉากสุดท้ายที่คุณบุญเลื่องบอกลาคุณจัน ยังหยอกแกมเอ็นดูว่าให้หาสาว ๆ มาช่วยเอาน้ำแข็งถูหลังให้

การถูหลังด้วยน้ำแข็งกลายเป็นเรื่องสามัญประจำบ้าน "พิจิตรรักษา" ไป

แถมรูปคุณท้าวพิจิตรรักษาที่ย้ำเตือน “ภารกิจแห่งชาติ” ที่จันจะต้องทำเพื่อล้างแค้นให้บรรพบุรุษนั้น มันทำให้คนหัวเราะกันทั้งโรงทุกครั้งที่เห็น

ความไม่สมดุลย์ในการพัฒนาตัวละครกับการแสดงอันอ่อนหัดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ แม้แต่ตัวจัน ดาราเอง ในภาคปฐมบท จันยังดูบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา แต่ในภาคนี้ ดูเหมือนจันจะมีพัฒนาการทางด้านจิต ด้วยการแสวงหาธรรมะ ก่อนที่จะมาเลวร้ายเพราะคำสอนของคุณท้าว อ้าว ตอนหลังกลับมาตลกอีก

บทของคุณแก้วก็อีกหนึ่ง ดิฉันจำได้ว่าภาคที่แล้วเธอเป็นรักร่วมเพศ แต่ตอนจันถูกไล่ออกจากบ้าน เธอก็มั่วกับหนุ่มผู้ชายในบ้าน ตอนหลังเธอมารักกับลูกพี่ลูกน้องจนท้อง อ้าวตอนหลังยิ่งอาการหนัก กลายเป็น “ทอม” ไปเลย

ตกลงคุณจันกับคุณแก้วจะเอาอย่างไรคะ บุญเขื่องตามไม่ทันค่ะ

หลาย ๆ ตอนในหนังทำได้ดี แต่เพราะเน้นผิดทาง จนทำให้อารมณ์ที่น่าจะดีกลับหล่นหายไป ยกตัวอย่างง่าย ๆ ความรู้สึกของจันเมื่อทราบความจริงเรื่องที่แม่ถูกข่มขืนนั้น ถ้าไม่ให้จันร้องไห้ฟูมฟาย แต่ทำให้เป็นความขมขื่นในใจของเขา มันจะสร้างพลังให้กับคนดูมากกว่า

ดิฉันจำได้ว่า ตอนดูหนังฉบับนนทรีย์นั้น ตัวเองร้องไห้กับฉากนี้ ซึ่งมีเพียงคำบอกเล่าำของจัน ก่อนที่จะตัดมาที่แม่ถูกโจรห้าร้อยเรียงคิวเข้ามาหา “ผู้หญิงยังไงก็เป็นเหยื่อการกระทำของผู้ชาย” นั่นคือความรู้สึกของดิฉันในตอนนั้น ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ ...เป็นความขมขื่นในชะตาของผู้หญิง ไม่แตกต่างจากความรู้สึกของจันกับกำเนิดของตน

ถ้าจะมีสิ่งดีในหนัง (อ่า ยังหาได้อีกแน่ะ) คงจะเป็นความหมายที่แฝงในหนัง (ซึ่งไม่รู้ใครจะอ่านออกได้อย่างดิฉันหรือเปล่า) เห็นจะเป็นเรื่องการรับกรรมของเด็กที่เกิดจากการกระทำของผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นจัน คุณแก้ว หรือแม้แต่ปรีย์

เพราะการกระทำที่เลวร้ายของผู้ใหญ่ เด็กทุกคนกลายเป็นผู้รับกรรม จนี่บ้านหลังนี้ไร้ผู้สืบสกุลในที่สุด

อีกจุดหนึ่งคือการเมืองเรื่องเพศในหนังเรื่องนี้ ผู้กุมอำนาจในบ้านวิสนันท์และพิจิตรรักษา ซึ่งแต่เดิมอยู่ในมือของผู้หญิงอย่างดารา (แม่ของจัน) และคุณท้าวพิจิตรรักษา นั้นเคยร่มเย็นและอยู่เย็นเป็นสุข แต่หลังจากที่ตกอยู่ในมือของคุณหลวง และจันแล้ว

บ้านถึงจุดล่มสลาย

หลังจากดูหนังแล้ว ดิฉันคิดว่าหม่อมน้อยควรจะหยุดเร่งทำหนังสักพัก อันที่จริงหม่อมก็ยังเป็นคนมีฝีมือ ที่โผล่ออกมาให้เห็นเป็นจุด ๆ แต่เพราะหม่อมเร่งทำหนังมากเกินไปใน 2-3 ปีนี้ ผลงานก็เลยกลายเป็นอะไรอันแสนพิลึกพิลั่น

กลายเป็น จันดาราฉบับขบขันไปในที่สุด


   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.