
ดู The Melody รักทำนองนี้ เสร็จแล้วอยากทำสองอย่าง อย่างแรกคืออยากไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนไปลอยโคมยี่เป็ง นอนดูดาว เที่ยวทุ่งดอกบัวตอง กอดแฟนดูทะเลหมอกที่ห้วยน้ำดังตอนพระอาทิตย์ขึ้น (คุณแฟน ไปกันมั้ย?) อย่างที่สองคืออยากถามผู้สร้าง (แบบขำๆ) ว่าตั้งใจตั้งชื่อพระเอก (วินด์ ที่แปลว่าลม) ให้สื่อถึงพล็อตเรื่องที่ดำเนินอย่างสลับไปมาเหมือนลมที่พัดไม่มีทิศทางหรือเปล่า และตั้งใจตั้งชื่อนางเอก (หมอก) ให้สื่อถึงธีมของหนังที่คลุมเคลือไม่ชัดเจนหรือเปล่า
หนังเริ่มต้นเป็นหนังรักที่เน้นการเปลี่ยนแปลงของตัวพระเอก วินด์ (แดน - วรเวช ดานุวงศ์) อดีตนักร้องชื่อดังที่กำลังตกต่ำเพราะไม่สามารถเขียนเพลงรักใหม่ๆได้ จึงทำให้เขาหนีไปซ่อนตัวในเมืองเล็กๆที่แม่ฮ่องสอน ซึ่งทำให้บังเอิญได้พบกับ หมอก (ฉัตร - ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร) นักเปียโนสาวที่ทำให้เขาเข้าใจในความรัก จนสามารถกลับมาเขียนเพลงรักได้อีกครั้ง
แต่พอไปเรื่อยๆ หนังเปลี่ยนเป็นเรื่องของนางเอกและความลับของเธอที่ถูกเปิดเผย ความลับของเธอไม่จำเป็นต้องมี เพราะไม่มีที่มาที่ไป และไม่ได้ทำให้พระเอกเข้าใจความรักมากขึ้น แถมยังทำให้บทหลุดไปในทิศทางที่ออกเป็นหนังดราม่าสะท้อนปัญหาสังคมมากกว่าหนังรักโรแมนติก ต่อมาอีกหน่อย หนังก็ไปให้บทเด่นกับน้องพลอย (ด.ญ. ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ) แฟนคลับเบอร์หนึ่งของวินด์ไม่ว่าเขาจะทำตัวอย่างไร และหลังจากนั้นหนังก็จะสลับไปมาระหว่างสามพล็อตเรื่องนี้จนงงไปหมดว่าสุดท้ายแล้วเป็นหนังของใคร และต้องการจะสื่ออะไร
การที่ให้น้ำหนักไปทั้งสามตัวละครนี้ ทำให้หนังรวบรัดการวิวัฒนาการของตัวพระเอกและนางเอก พระเอกจากเป็นคนขี้โมโห หยิ่ง ไม่แคร์ใคร ไม่รู้จักความรัก ความอ่อนโยน ทำไมถึงกลายมาเป็นคนสุภาพที่รักผู้หญิงคนหนึ่งได้อย่างหมดหัวใจได้อย่างง่ายดาย และนางเอกจากมีความเชื่อต่อต้านสิ่งหนึ่ง (ซึ่งเกี่ยวกับความลับของเธอ) ทำไมถึงอยู่ดีๆมายอมรับมันได้
อีกทั้งหลายๆอย่างในบท ดูไม่ลงตัวกันเท่าไหร่ หนังไม่มีฉากว่าทำไมพระเอกกับนางเอกถึงชอบกัน พระเอกไม่ได้ทำอะไรให้นางเอกชอบได้เลย และนางเอกก็อยู่ดีๆตื้อพระเอกให้ไปทำกิจกรรมที่มูลนิธิแห่งหนึ่งตอนเจอกันครั้งแรก ตัวละครทั้งสามมีปมเรื่องแม่ที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างลูกในยามที่ลูกต้องการ แต่ก็ไม่มีการต่อยอดอะไรมากกว่านั้น และที่น่าเสียดายที่สุดน่าจะเป็นเรื่อง เพลง ที่ควรจะเป็นศูนย์กลางของเรื่อง เป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงสำคัญของพระเอก และเป็นบทสรุปของความรักระหว่างพระเอกกับนางเอก แต่หนังไม่ได้ให้ความสำคัญของ เพลง เท่าที่ควร อยู่ดีๆพระเอกก็แต่งเพลงขึ้นมาได้และนำมาร้องในคอนเสิร์ตตอนท้ายเรื่อง นางเอกไม่ได้ช่วยอะไรเลย หนังจะมีพลังมากกว่านี้ถ้ามีฉากที่ต่างคนต่างไม่สามารถแต่งเพลงเองได้ แต่ต้องมาแต่งเพลงด้วยกัน เป็นเพลงของทั้งคู่ ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

แดนไม่สามารถตีบทแตกได้ เขาเป็นคนขี้เล่น ไม่เหมาะกับบทคนหยิ่ง ขี้โมโห และฉากดราม่า ฉัตรร้องไห้เก่ง แต่อาจจะด้วยบทที่ยังไม่สามารถทำให้เชื่อได้ว่าเธอรักพระเอกจริงๆ
The Melody รักทำนองนี้ มีหลายส่วนที่คล้ายกับเรื่อง The Letter จดหมายรัก และ Happy Birthday เช่น สถานที่ โทนหนัง และประเด็นความตาย แต่ด้วยบทที่สับสน ธีมหนังที่ไม่ชัดเจน และการแสดงที่ไม่สุด หนังเรื่องนี้จึงทำได้แค่โปรโมทการท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอนเท่านั้น
|