บอกตรง ๆ ว่าก่อนที่จะได้ดูหนัง Top Secret วัยรุ่นพันล้านนั้น ตัวเองไม่ได้รู้ประวัติของน้องต๊อบ อิทธิพัฒน์ มากไปกว่าเป็นนักธุรกิจพันล้านอายุน้อยจากการก่อตั้งสาหร่าย เถ้าแก่น้อย ... เรื่องราวความสำเร็จของเขามาจากคำบอกเล่าของน้องสาวดิฉันที่เป็นนักธุรกิจ ซึ่งก็ไม่ได้เล่าอะไรมากมาย นอกจากเป็นเด็กบ้าเกมส์ที่ก่อร้างสร้างตัวจนมีธุรกิจพันล้านตั้งแต่อายุเพียงน้อยนิด พร้อมตัวอย่างความอุตสาหะของเขาหลังจากที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ยอมให้เขามาวางสินค้า
แต่ในคำบอกเล่าเพียงไม่กี่ประโยคจากปากของน้องสาว ทำให้ตัวเองจับได้ว่า เบื้องหลังความสำเร็จของน้องต๊อบ ก็คือ ความเป็นคนจริงจัง มุ่งมั่น ถ้าลุยแล้ว ก็ทำให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเดินเข้าไปสำรวจร้าน 7 11 ถามพนักงานขาย หรือแอบฟังลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้า
ว่าไปแล้ว ความมุ่งมั่นจริงจังของน้องต็อบนั้น แสดงให้เห็นมาตั้งแต่แรก แต่เป็นความมุ่งมั่นในอีกด้าน ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่จะไม่ชอบกัน นั่นก็คือ การแข่งขันในเกมส์คอมพิวเตอร์ ไม่อย่างงั้น เขาคงมิได้ชนะพนันเกมจนมีเงินซื้อรถได้ เพียงแต่ว่า เมื่อต้องเข้าสู่สนามแห่งชีวิต ความมุ่งมั่นจริงจังในการเอาชนะเกมส์เหล่านั้นได้ถูกปรับมาเพื่อความอยู่รอด ซึ่งพ่อแม่ของเด็กส่วนใหญ่น่าจะชอบ และพยายามนำมาเป็นตัวอย่างให้ลูก ๆ เอาแบบ
แต่เมื่อมาเป็นหนัง ความเป็นคนมุ่งมั่นจริงจังของน้องต๊อบได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างแผ่วเบา เนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งไปที่ปัญหาครอบครัว ความขัดแย้งในเรื่องเรียน และความสำเร็จที่มาจากความบังเอิญหลายอย่าง บังเอิญแวะดูงานแสดงเครื่องจักร ก็เลยได้มาทำธุรกิจเกาลัด บังเอิญที่ไปช็อปปิ้งกับแฟน ก็เลยได้เห็นกลยุทธ์การตลาดแบบชาวบ้าน บังเอิญได้ชิมสาหร่าย ก็เลยเริ่มทำธุรกิจแบบนี้บ้าง บังเอิญที่ไปซื้อของที่ร้าน 7 11 ก็เลยคิดที่จะเอาของเข้าแฟรนไชส์นี้
ดิฉันเชื่อว่า ตัวจริงของต็อบน่าจะทำอะไรในความสำเร็จเหล่านี้มากไปกว่าความบังเอิญเหล่านี้

และจุดที่แสดงความล้มเหลวมากที่สุด ก็คือ ตัวละครที่เป็นแฟนของต็อบ ซึ่งไม่มีความจำเป็นเลย ว่าไปแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญ แม้บทหนังพยายามบอกว่าเธอยินดีที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับแฟนหนุ่ม แต่ภาพของเธอที่ออกมามันน่ารำคาญเสียมากกว่า เข้าใจผิด แค่โทรศัพท์คุยเรื่องงานก็มองว่ามีอะไร หลายครั้งที่อดรู้สึกไม่ได้ว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วงความเจริญก้าวหน้าของผู้ชายคนหนึ่ง จีทีเอชอาจจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ หนังวัยรุ่นมันไม่จำเป็นจะต้องมีนางเอกทุกเรื่อง โดยเฉพาะหนังแนวการเดินทางของชีวิตแบบนี้ บอกตรง ๆ ถ้าตัดตัวละครตัวนี้ไป หนังก็ไม่ได้ขาดอะไรไป นอกจากสิ่งที่จีทีเอชคิดว่าเป็นจุดขาย
รายละเอียดบางอย่างในหนังที่น่าจะนำมาขยาย และจะทำให้หนังมีพลังมากกว่านี้ ถูกละเลยไปอย่างน่าเสียดาย ไม่ว่าจะเป็นโอกาสแรกในชีวิต โอกาสที่ซีพีให้กับต็อบนั้น ซึ่งจะเป็นจุดไคลแมกซ์ที่ยิ่งใหญ่ เพราะมันเป็นจุดร่วมของคนทุกยุคทุกสมัย ทุกอาชีพ ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นสมัยนี้ สมัยไหนมันก็เหมือนกัน ไม่ว่าคุณจะสร้างงานด้วยตัวเองหรือการต้องทำงานกับองค์กร เรียกได้ว่าเกือบทุกคนด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีคนแรกที่ให้โอกาสกับคุณ คุณก็จะไม่ได้มีอยู่อย่างทุกวันนี้ ซึ่งถ้าหนังเน้นประเด็นนี้อาจทำให้กลุ่มผู้ชมจะรู้สึกกว่าหนังมากกว่านี้
ครึ่งแรกของหนังมีปัญหามาก ทั้งการแสดงของตัวพีช พัชรและพ่อแม่ แม้กระทั่งความเป็นเด็กเกเรของต็อบก็ไม่แรงเท่ากับที่พีชเคยทำได้จาก ซัคซี๊ด ห่วยขั้นเทพ แต่เมื่อมาถึงครึ่งหลัง เราเริ่มเห็นพลัง เห็นฝีมือของผู้กำกับย้ง ทรงยศ จากที่เราเคยเห็นใน เด็กหอ
ความละเอียดอ่อนในการเข้าใจชีวิต โดยไม่ต้องมีบทบรรยาย การใช้ภาพต่าง ๆ อย่างที่เราเคยเห็นจินตหราเปิดลิ้นชักทีไรแล้วร้องไห้ใน เด็กหอ เริ่มมีให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ต็อบตัดสินใจถามพ่อว่า เป็นหนี้เท่าไร ความขัดแย้งในการให้สินบนกับคนตรวจคุณภาพโรงงานของซีพี หรือความรู้สึกแรกที่เขาตัดสินใจโทรศัพท์ถึงพ่อแม่ที่เมืองจีน หลังจากลงของที่โกดัง 7-11 หมดแล้ว
แต่หนังกลับไปเน้นสิ่งที่คิดว่าจะเป็นจุดขายอย่างชีวิตที่ผกผันจากเด็กบ้าเกมส์มาทำธุรกิจ สภาพที่บ้านล้มละลาย มีปัญหากับแฟน การตัดสินใจทิ้งการเรียน ทั้ง ๆ ที่ตัวต็อบมีอะไรมากมาย เขาอาจจะเหมือนเด็กคนอื่นที่ขาดประสบการณ์ เหลวไหล แต่สิ่งที่เขามีคือความมุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง มีไหวพริบ การเป็นคนใจใหญ่ กล้าได้กล้าเสีย ตรงนี้แหล่ะคือกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของเขาทุกวันนี้ ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่มี ไม่เฉพาะเด็กเท่านั้น
เป็นหนังที่ดูได้ในระดับหนึ่ง เพียงแต่ว่าไม่มีพลังเท่ากับหนังของทรงยศ ก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังดีกว่า ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น
|