
ไม่มีพล็อตเรื่องไม่มีคติสอนใจ มีแต่ตัวละครเล่นกัน สู้กัน เพื่อแย่งความเป็นจ่าฝูงหรือประกาศอาณาเขต หลายครั้งผู้เขียนต้องถามตัวเองว่ามาดูหนังวัยรุ่นแอคชั่นดราม่า "มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย" หรือมาเข้าเรียนวิชามนุษยวิทยาอีกครั้งหนึ่ง
มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย หนังแอคชั่นดราม่าที่ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของผู้กำกับ บอม - อัศจรรย์ สัตโกวิท เป็นเรื่องเกี่ยวกับ สอง (เมาส์ - ณัชชา จันธพันธ์) น้องใหม่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เข้าร่วมแก๊งค์วัยรุ่นเกเรที่มี กัน (มาริโอ้ เมาเร้อ) เป็นหัวหน้ากลุ่ม แต่เหตุการณ์พาไปมีเรื่องกับอีกแก๊งค์หนึ่ง จึงต้องพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายและมิตรภาพความเป็นเพื่อน
บทภาพยนตร์จะแน่นมากขึ้นถ้าทั้งเรื่องเน้นไปที่ สอง เพราะเขามีความเปลี่ยนแปลงมากที่สุด จากเด็กที่ไม่มีเพื่อน อยู่ในเมืองที่ไม่รู้จัก และไม่กล้ามีเรื่องกับใครแม้เพื่อปกป้องตัวเอง จนได้มีกลุ่มเพื่อนสนิทเป็นโหล รักเพื่อน และสามารถปกป้องเพื่อนได้ แต่ด้วยบทที่ต้องเจียดเวลาให้ กัน ในเรื่องของความรักกับ เนม (โม มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) ความคลั่งไคล้ของ แอล (อาย กมลเนตร เรืองศรี) พ่อแม่ที่ไม่มีเวลาให้ และความเข้าใจผิดเรื่องหนึ่ง จึงทำให้สองมีความเปลี่ยนแปลงที่ไม่สมบูรณ์และไม่น่าเชื่อถือ (จากที่เป็นเด็กแหยๆ ทำไมถึงกล้าต่อยคนอื่น) และปัญหาของ กัน ถูกแก้ไขเร็วเกินไป (เนมเข้าใจ กัน จากคำพูดคำเดียวของแม่)

และส่วนใหญ่ของบทก็ทุ่มให้ฉากสังสรรค์ (เที่ยวผับ เตะบอล ดื่มเหล้า) และฉากต่อยกัน ไม่แน่ใจว่าต้องการสื่อว่าเด็กผู้ชายก็ต้องมีเรื่องชกต่อยบ้างเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่เห็นคือความไม่สมเหตุสมผล สองถูกอีกแก๊งค์หนึ่งขู่ให้เลิกกับแฟนสาว ดิว (เบลล่า ราณี แคมเปญ) แต่เด็กแก๊งค์นั้นกลับไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ ดิว เลย กันและเพื่อนยกพวกตีกับอีกกลุ่มเรื่องแย่งสาว แย่งบุหรี่ หรือเพราะแค่เกลียดขี้หน้า และทั้งหมดนี้ได้ขัดกับสิ่งที่ กัน บอกกับ สอง ว่า เขาและเพื่อนไม่ได้เป็นอันธพาลยกพวกตีกัน แต่แค่สู้กันเพื่อรู้แพ้รู้ชนะ และที่เลวร้ายที่สุดแน่จะเป็นตอนจบที่ยาวเกินไป และหักมุมแบบไม่จำเป็น
นอกจากบทที่ไม่แน่นแล้ว หลายฉากยังสะดุดทางด้านอารมณ์มาก ฉากที่ กัน พา เนม หนีอีกแก๊งค์หนึ่งก็ตัดเข้าเป็นมิวสิควิดีโอเพลงรักโรแมนติกอย่างไม่ได้ทันตั้งตัว หรือฉากที่ขึ้นรถหนีหลังจากยกพวกตีกันก็มีมุขตลกโผล่มา
นักแสดงเกือบทั้งหมดยังไม่สามารถสื่อความเป็นเพื่อนได้ แม้พวกเขาอาจจะโอบใหล่กัน แต่ด้วยลักษณะท่าทาง คำพูด และความห่างของร่างกาย ผู้เขียนยังไม่รู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนสนิท บทของมาริโอ้นั้นไม่ต่างจาก พี่โชน ในสิ่งเล็กๆ เท่าไหร่ก็เลยไม่มีความถ้าทายมาก ส่วน เมาส์ พระเอกอีกคนหนึ่ง ยังคงใช้สีหน้าเดียวกันไม่ว่าจะกลัว โกรธ หรือตกใจ
ในช่วงชีวิตวัยรุ่นชาย ที่มีเกเรบ้าง ลองผิดลองถูกบ้าง โดนแฟนสาวทิ้งบ้าง เพื่อน มักอยู่ข้างๆเรา ช่วยให้เราผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ไปได้ ดังนั้น คำว่า เพื่อน จะมีความหมายที่ยิ่งใหญ่มากในชีวิตวัยรุ่นชาย นี่คือสิ่งที่ มึงกูฯ อยากจะสื่อแต่ไม่สามารถสื่อออกมาได้ ด้วยพล็อตเรื่องที่ดำเนินอย่างไร้เป้าหมาย อารมณ์ที่ไม่ต่อเนื่อง บทสรุปตอนท้ายที่ยืดเยื้อเกินไป และการแสดงที่ติดขัด สิ่งที่เรากลับเห็น คือชีวิตของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่รักสนุก รักที่จะอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม และรักที่จะสู้กลับกลุ่มอื่นเพื่อพิสูจน์ความเป็นใหญ่ เหมือนกับฝูงหมาป่า ลิง หรืออะไรสักอย่างหนึ่ง แค่นั้น
|