ดิฉันมักจะมีปฎิกิริยาที่ค่อนข้างจะี่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครสักหน่อยกับผลงานของเป็นเอก รัตนเรืองในช่วง 4-5 ปีหลังนี้ ดิฉันจะไม่ชอบผลงานล่าสุดใหม่ของเขาทันที ต้องรอผลงานใหม่ออกมา ถึงจะเข้าใจในผลงานก่อนหน้านั้น
แต่พอมาถึงผลงานล่าสุด นางไม้ คราวนี้เปลี่ยนไป นางไม้ เข้าใจง่ายกว่าเดิม ไม่ต้องรอให้เป็นเอกทำหนังเรื่องใหม่เสร็จก่อน
นางไม้ เป็นผลงานของเป็นเอกที่เข้าใจง่ายขึ้น (สำหรับดิฉัน) เพราะหนังมีเนื้อหาเช่นเดียวกับ พลอย เรื่องราวความขัดแย้งในคู่สามีภรรยาที่เกิดขึ้น แต่กว่าที่พวกเขาจะรู้สึกตัวก็ต่อเมื่อต้องสูญเสียอีกคนไป ขณะที่ความเข้าใจผิดในพลอย เป็นอาการสะลึมสะลือของคนง่วงนอน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง ในโรงแรมแห่งหนึ่ง หลังจากที่ฝ่ายสามีเกิดใจดี ให้ความช่วยเหลือกับเด็กสาวที่ไม่มีที่นอน ภรรยายังพักผ่อนไม่ได้เต็มที่ เพราะเพิ่งลงจากเครื่องบิน ทำให้เกิดอาการฟุ้งซ่าน สร้างภาพขึ้นมาเองระหว่างความจริงกับความฝัน จนคนดูงง ๆ ไม่รู้ว่าอันไหนเป็นอันไหน
แต่ นางไม้ เกิดขึ้นในป่า โดยมี ผี หรือ นางไม้ เป็นมือที่สาม และแตกต่างกันในรายละเอียด เช่น ความขัดแย้งใน นางไม้ เกิดขึ้น เพราะฝ่ายเมีย หรือ เมย์ ไปมีชู้ก่อน
หลาย ๆ อย่างใน นางไม้ จึงจะไปคล้าย ๆ กับ พลอย ไม่ว่าจะเป็นจินตนาการของนางเอก (เมย์) ที่คิดว่า นพ กลับมาอยู่กับตัวเองแล้ว หลังจากที่เขาหายสาบสูญไปในป่า ขณะที่ พลอย เป็นเรื่องราวสลับไปมาระหว่างความจริงไม่จริง กับความฝัน อันเกิดจากความเบลอของคนที่เพิ่งลงจากเครื่องบิน
ถ้าจะว่าไปแล้ว นางไม้ คือการเยี่ยมเยียนของเนื้อหาในหนังในละครไทยที่เราเคยคุ้น ๆ กันอยู่แล้ว เพียงแต่เสนอในรูปแบบใหม่ ในเชิงศิลปะ เรื่องราวความแตกแยกของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เรามักจะเห็นเป็นประจำในละครไทย ขณะที่ผีก็เป็นหนังยอดนิยมในบ้านเราอยู่แล้ว
ถ้า บัซ เลอแมน จะนำเนื้อหาเก่า ๆ โรมิโอและจูเลียต มาสร้างใหม่โดยใช้กรอบของความเป็นร่วมสมัย หรือโซเฟีย คอปโปล่า ก็สร้างโจทย์ให้ตัวเองกับเรื่องราวของพระนางมารี อังตัวแนตต์ ได้ ทำไมเป็นเอกจะนำเนื้อหาที่เราถือว่า น้ำเน่า ในสังคมไทยมาทำใหม่ไม่ได้
โดยคราวนี้มีโจทย์ใหม่ที่จะต้องไม่น้ำเน่า และเสนออีกแง่มุมหนึ่ง หึงหวงจะต้องไม่ตบตีกัน และชู้ใหม่เป็นผี และผีในหนัง่จะต้องไม่น่ากลัวต่อไป แต่ดูลึกลับ น่าสงสาร
หรืออีกนัยหนึ่ง นางไม้ เป็น the others ของทุก ๆ อย่างที่เราเคยเห็นมาก่อนหน้านั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นละครไทย หนังผี และแนวทางหนังของเป็นเอกเอง ที่คราวนี้มาทำเนื้อหาที่เป็น exotic มากขึ้น โดยมุ่งเข้าป่า ไม่ใช่เรื่องราวของคนเมืองอย่างที่เคยเป็น
นางไม้ เป็นผลงานของเป็นเอกที่ชัดเจนขึ้น และภาษาภาพยนตร์อ่านง่ายขึ้น โดยเฉพาะมุมกล้องของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งต้องยกความดีให้กับตากล้องคู่ใจ
.ชาญกิจ ชำนิวิกัยพงศ์ ที่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่เป็นความคิดของผู้กำกับได้ดี จนสามารถสร้างบรรยากาศและแนวหนังตามความต้องการของผู้กำกับได้ดี
หนังดูลึกลับตั้งแต่ต้น ทำให้ภาพของนางไม้นั้นอาจจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ได้ เราไม่เห็นตัวนางไม้จริง ๆ ตลอดทั้งเรื่อง สิบนาทีแรกของหนังที่ใช้ภาพลองเทคโดยไม่ตัด ดูเหมือนจะส่งสัญญาณนัย ๆถึงความลึกลับของภูติสาว กล้องอาจจะเป็นตัวแทนของนางไม้ด้วยซ้ำ ภาพอื่น ๆ ของนางไม้ในหนังก็มักจะใช้ long shot หรือ extreme long shot ทำให้ภาพของนางไม้ดูคลุมเครือ ลึกลับ
เช่นเดียวกับบรรยากาศของหนัง ภาพหลาย ๆ อย่างในหนังจะใช้แสงต่ำ (low-key lighting) มืด ๆ ทึม ๆ เหมือนกับในห้องพักโรงแรมใน พลอย พอถึง นางไม้ ก็จะเป็นในป่านั่นเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงถ่ายทำในระบบ day-for-night แทน
นางไม้ จึงกลายเป็นหนังที่มีเสน่ห์ ที่ทำให้เราต้องค้นหาอยู่เรื่อย ไม่ได้ยากเหมือนกับ พลอย ดิฉันจึงดูหนังเรื่องนี้ถึงสองรอบในวันเดียวกันที่คานส์ (และเกือบไปดูรอบที่สามในวันรุ่งขึ้น)
การดำเนินเรื่องค่อนข้างช้า จึงจำเป็นต้องใช้สมาธิมาก ๆ เพราะฉะนั้น อาจจะทำให้หลับไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
โดยสรุปแล้ว ดิฉันคิดว่า นี่เป็นหนังของเป็นเอกที่น่าค้นหาและติดตามอีกเรื่องหนึ่ง และถ้ามาฉายบ้านเราในเดือนหน้านี้ ดิฉันก็คงจะไปดูเพื่อค้นหาอีกต่อไป เหมือนเวลาเราเข้่าป่า มันมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้เราลุ่มหลง |