
บุปผาราตรี 3.1 เป็นหนังที่ดิฉันไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายนัก เพราะหนังใช้เวลาทำเสร็จเร็วเกิน กลัวว่าผลงานที่ออกมาคงไม่แตกต่างจาก อีติ๋มตายแน่ และคงไม่รีบไปดูรอบสื่อเมื่อวานนี้ ถ้าไม่ได้มีฝรั่งขอให้รีบเขียนและรีบส่ง
เพราะฉะนั้น เป็นหนังที่ตัวเองดูแบบสบาย ๆ ไม่คาดหวัง ไม่จับรายละเอียดมากนัก
ความรู้สึกแรกที่ได้จากการดูหนังเรื่องนี้ ก็คือ ยุทธเลิศเขายังคงควบคุมการทำหนังที่ใช้ได้้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าอาจจะไม่ได้ดีนัก และส่วนที่น่าจะเป็นจุดอ่อนของหนัง ก็คือ ตัวหนังที่ยื่นเยื้อในหลาย ๆ ตอน แบบพยายามดึงเรื่องให้มีอะไร เพื่อมุ่งหวังให้มีภาคต่อที่เรียกว่า 3.2
ในช่วงแรก ๆ ของหนังนั้น หนังพยายามปูเนื้อหาเพื่อแนะนำตัวละครใหม่ อย่าง หรั่ง (มาริโอ้ เมาเร่า) เด็กหญิงที่รับบทเป็นผีเด็ก มีเรื่องราวในอดีตของบุปผาเอง รวมทั้งเรื่องราวของตัวละครใหม่ ที่เกิดขึ้นในออสการ์อพาร์ทเมนท์
ปัญหาที่เกิดขึ้น ก็คือ มันมากเกินไป ดูแล้วเหมือนเอาเครื่องหลาย ๆ อย่างมายำรวมกันมากเกินไป แบบคลุกไม่ละเอียดพอ ทำให้การเชื่อมโยงมันไม่ค่อยราบรื่น ทำให้หนังดูคลุกกันไม่เข้าทั้งหมด
บุปผาราตรี 3.1 ยังคงแสดงให้เห็นความสามารถในการทำหนังหลายแนวของยุทธเลิศได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นหนังผี หนังตลก แถมเรื่องราวของความรักเพิ่มเข้ามาอีก
ยุทธเลิศทำงานได้ดีในการสร้างเรื่อง ในการเขียนบทที่มันรับส่งกัน ความสัมพันธ์ ความเป็นไปของตัวละครแต่ละตัว มันมีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรั่ง ที่เคยแอบหลงรักพี่บุปผามาก่อน หรือการกลับมาเกิดใหม่ของบุปผาในร่างเด็ก และเหตุผลที่ทำไมเด็กน้อยเต็มไปด้วยความแค้นที่จะต้องฆ่าผู้ชาย

สิ่งที่ตัวเองชอบในหนังเรื่องนี้กลับเป็นจุดเล็ก ๆ ชีวิตของบุปผาที่ยังคงขังตัวเองอยู่ในวังวนแห่งความรัก ไม่ไปผุด ไปเกิดใหม่ ขณะที่อดีตคนรัก ก็ไปเกิดใหม่ ไหนต่อไหนแล้ว
การแสดงของตัวละครทุกตัว ทั้งตัวละครหลักอย่าง บุปผา และหรั่ง ดาราตลก ผีเด็ก หรือแม้แต่เพื่อน ๆ ของหรั่ง ก็ถือว่าไปได้ค่อนข้างดี
นต้องยกความดีให้กับบทสนทนาที่ยุทธเลิศเขียนขึ้นเอง เขาเอาอยู่ ทั้งเรื่องตลก เรื่องผีที่หลายครั้งทำให้เราต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ หรือแม้แต่เรื่องราวดราม่า เศร้าสร้อยของตัวละคร
แต่เพราะหนังมุ่งเน้นที่จะให้มีภาคต่อ ทำให้ฉากตลกนั้นยืดเยื้อมากเกินไป บทสนทนาตลกต่าง ๆ แม้ว่านักแสดงส่วนใหญ่จะเล่นได้ดี และ็สนุกสนาน แต่มันยืดเกิน ทำให้ดูน่าเบื่อ ๆ ในหลาย ๆ ตอนมันน่าเบื่อโดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ ทำให้การปูเรื่องและสร้างความสัมพันธ์ของตัวละครที่มีอะไรอยู่ ดูเซไป
จุดเด่นในการสร้างเรื่องและผูกโยงความสัมพันธ์ของตัวละคร ได้ช่วยให้เทรลเลอร์ภาคต่อดูน่าสนใจและน่าติดตาม บอกตรง ๆ มากกว่าภาค 3.1 เสียอีก อย่างหนึ่งอาจจะเป็นเพราะมันเป็นเพียงแค่เทรลเลอร์ ซึ่งมีข้อจำกัดของเวลา จะยืดยาวเหมือนอย่างหนังไม่ได้
บอกตรง ๆ ว่าอยากดูเป็นอย่างยิ่ง เพราะกำลังสงสัยว่า เขาอาจจะนำประเด็นจิตวิเคราะห์เข้ามาช่วยในการสร้างตัวละครอย่าง หรั่ง หรืออีกนัยหนึ่ง หรั่งอาจจะไม่ใช่แค่เด็กชายที่เคยหลงรักพี่บุปผาธรรมดา ๆ เสียแล้ว บางทีการเห็นผีของเขาอาจจะมีอะไรลึกมากกว่านั้น
และถ้ามันเป็นไปอย่างที่คิด นี่อาจจะเป็นการเปลี่ยนบทครั้งยิ่งใหญ่ของมาริโอ เมาเรอร์ ซึ่งคงพูดอะไรไม่ได้ นอกจากรอดูภาคต่อเพียงอย่างเดียว
|