
หลังจากที่ได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องหม่ำเดียว หัวเหลี่ยมหัวแหลม เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน โดยให้ หม่ำ (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) และน้องเดียว (ด.ช. พัทธดนย์ เกลี้ยงจันทร์) เด็กน้อยที่โด่งดังจากรายการเกมทศกัณฐ์เด็ก ออกมาวิ่งเล่นกันไปมาในฉากโล่งๆ แค่นั้น ไม่บอกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรทั้งสิ้น
ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นก็คือ นี่น่าจะเป็นหนังสนุกสนานอารมณ์ดีเท่านั้น พร้อมกับความคิดแว่บเข้ามาในหัวสมองว่า กล้าดีจัง
กล้าและมั่นใจในการนำเสนอนักแสดงนำเพียงสองคน ว่าจะมีแรงดึงดูดความสนใจของคนดูได้ ซึ่งในส่วนของคุณหม่ำนั้นคงต้องยอมรับว่ามีผลงานที่สามารถการันตีความมั่นใจนี้ได้พอสมควร ทั้งจาก บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม และแหยมยโสธรที่ทำรายได้ถล่มทลายมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนน้องเดียวนี่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงที่แข่งขันรายการเกมทศกัณฐ์ หนูน้อยก็ขโมยหัวใจผู้ใหญ่ไปได้หลายคนจากความน่ารักและความเฉียบแหลมของปัญญา การที่จับสองคนนี้มาคู่กัน น่าจะเป็นส่วนผสมที่น่าสนใจ ยิ่งเมื่อได้เห็นตัวอย่างชุดหลัง ๆ ที่เริ่มออกมา บอกเรื่องราวคร่าวๆ ของหนัง ก็ต้องยอมรับว่าทางบริษัทผู้สร้างมีการวางแผนมาได้ดีจริงๆ
เรื่องราวในหม่ำเดียว หัวเหลี่ยมหัวแหลม ที่เป็นงานร่วมกำกับระหว่างคุณหม่ำและคุณพาณิชย์ สดสีที่เคยกำกับโหน่งเท่งนักเลงภูเขาทองนี้ เริ่มต้นจากการที่หม่ำ (ทั้งคุณหม่ำและน้องเดียวเอาชื่อจริงมาใช้เป็นชื่อตัวละครในหนังเรื่องนี้กันทั้งคู่) เดินทางจากยโสธรมา กทม. เพื่อมาเฝ้าบ้านให้ญาติที่ไปอยู่ต่างประเทศ และเพื่อเรียนภาษาจีนอย่างที่ตั้งใจมานาน และได้มาเจอกับเดียวเด็กชายที่บอกว่าเป็นลูกชายของเขากับคุณฟ้า (เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์) ครูสอนภาษาจีนที่โรงเรียนที่หม่ำไปเรียน และบอกว่าถ้าหม่ำกับฟ้าไม่แต่งงานกัน น้องเดียวก็จะไม่ได้เกิดเป็นลูกคน แต่ต้องไปเกิดเป็นลูกหมา และด้วยโครงเรื่องเหล่านี้ หนังก็พาเราไปสู่หลักสูตรเร่งรัดในการจีบหญิงที่คุณหม่ำและน้องเดียวร่วมมือกัน
ภาพรวมของหนังก็จะเน้นเหตุการณ์น่ารัก ๆ ระหว่างตัวละครหลักทั้งสาม ซึ่งทำหน้าที่โดยรวมของตัวเองได้ดี บวกกับมุขตลกอารมณ์ดีที่ใส่เข้ามาแบบปลอดคำหยาบ (หรือมีก็จะอยู่ในลักษณะของการใช้สำนวนเสียดสีแทน) นานๆ จะหาได้ซักครั้งในหนังไทย
หลาย ๆ มุข ชวนคิดถึงฉากตลกสั้นๆ ของกลุ่มซูโม่สำอาง ก็ช่วยให้เราดูหนังเรื่องอดไม่ได้ที่จะยิ้มและหัวเราะเพลินๆ ไปได้เรื่อยๆ
แต่ถ้าหากคาดหวังให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกอุ่นๆ แบบสร้างความประทับใจสำหรับครอบครัว คงต้องบอกว่าหม่ำเดียว หัวเหลี่ยมหัวแหลม ยังทำได้ไม่ถึงขั้นนั้น โดยส่วนที่น่าเสียดายที่สุดในหนังเรื่องนี้มีอยู่สองจุด จุดใหญ่เลยคือบทที่ขาดการปูน้ำหนักเรื่องของเหตุและผลไปในหลายๆ ช่วง โดยเฉพาะตอนต้นเรื่องที่น้องเดียวมายุให้หม่ำจีบนางเอก และหม่ำก็ทำตามแบบว่าง่าย ซึ่งส่วนหนึ่งก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะนางเอกของเรื่องนี้ดูน่ารักและมีสเน่ห์จริงๆ แต่ความพยายามที่จะทำทุกอย่างเพราะรักลูกที่จะเกิดมาในอนาคตนั้นดูยังไงก็ยังขาดความน่าเชื่อถือ ประกอบกับส่วนเฉลยของหนังที่มาถึงเร็วเกินไป และการละเลยเป้าหมายของตัวละครที่พยายามมาเรียนภาษาจีน แต่กลับจบลงด้วยประเด็นของความรัก ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ที่ตามมาของหนังเป็นเหมือนเรื่องเล่าที่ขาดความสมจริง

จุดน่าเสียดายอย่างที่สองคือการขาดเคมีด้านความโรแมนติกระหว่างพระเอกนางเอก ซึ่งจุดนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกว่าคุณหม่ำไม่หล่อแต่อย่างใด เพราะตอนที่ดูคุณหม่ำแสดงในเฉิ่มกับคุณนุ่น วรนุช ก็ดูไม่มีปัญหา กลับดูน่าเชื่อถือและคิดเอาใจช่วยตัวละครไปด้วยซ้ำ ปัญหาที่เกิดน่าจะมาจากการขาดความน่าเชื่อถือของบทอย่างที่กล่าวไปแล้ว ประกอบกับการแสดงอารมณ์และการใช้โทนเสียงเวลาแสดงฉากขรึมๆ ของคุณหม่ำที่ดูคล้ายในเรื่องเฉิ่ม แต่กลับไม่เหมาะกับหนังเรื่องนี้ที่ไปในทางที่สนุกสนานกว่านั้น และทำให้ดูโดดจากบุคลิกในฉากที่คุณหม่ำแสดงเป็นตัวของตัวเองและดูสนุกสนานไป
ทั้งสองจุดก็เป็นเพียงส่วนที่ขาดไป ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่น่าประทับใจอย่างที่ควรจะเป็น แต่หากจะดูเอาขำในช่วงที่การออกใบเหลืองใบแดงของนักการเมืองยังไม่นิ่ง แถมปัญหาโลกร้อนก็กำลังวิกฤติแบบนี้ การหลบไปดูหนังที่พยายามจะเล่าเรื่องในแบบอื่นๆ บ้าง นอกเหนือจากหนังตลก และหนังผีที่เน้นสะดุ้งเอามันส์ ก็น่าจะช่วยให้ประสาทคลายตัวได้บ้างพอสมควร
และหม่ำเดียว หัวเหลี่ยมหัวแหลมนี้ก็น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่เลวนัก |