ตั๊ดสู้ฟุด เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สอง จากการกำกับของ จตุรงค์ พลบูรณ์ (จตุรงค์ มกจ๊ก) นักแสดงตลกที่ขยายบทบาทมาเป็นผู้กำกับภาพยตร์อีกคนหนึ่งเหมือนนักแสดงตลกอื่นๆ ได้แก่ โน๊ต เชิญยิ้ม (คนปีมะ, หลวงพี่เท่ง, อีส้ม สมหวัง) และ หม่ำ จ๊กม๊ก (บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 1-2 ) ประสบผลสำเร็จ (ทางรายได้) กันเป็นส่วนใหญ่ แนวภาพยนตร์ของผู้กำกับกลุ่มนี้คงไม่พ้นแนวตลกสนุกสนาน (Comedy) ตามความถนัดในอาชีพนักแสดงตลกที่มีพื้นฐานมาแต่เดิม
จากความสำเร็จพอสมควรของเรื่องแรก (โกยเถิดโยม) จตุรงค์สร้างความแปลกใหม่ด้วยภาพยนตร์เรื่องที่สอง ใบบรรยากาศแบบหนังจีนกังฟูสไตล์เฉินหลง โจวซิงฉือแบบที่ตัวเขาชอบดูมาตั้งแต่เด็ก คือ บรรยากาศแบบจีนย้อนยุค มีเจ้าพ่ออันธพาลแบ่งเป็นก๊ก เป็นแก๊ง
คุมตลาด คุมบ่อน ป่วนเมือง มีการต่อสู้กันด้วยมวยจีนแบบกังฟู กับเรื่องราวการชิงความเป็นใหญ่ของเหล่าเจ้าพ่อหัวหน้าแก๊ง สอดแทรกมุกตลกตลอดทั้งเรื่อง โดยภาพยนตร์เรื่องที่สอง ตั๊ดสู้ฟุด ชูมุกตลกของเจ้าพ่อที่เป็นกระเทยเข้าไว้ด้วย
ฉากและเครื่องแต่งกายถือเป็นจุดเด่นที่น่าชมเชยว่า ทำได้ดีพอสมควรราวกับดูหนังจีนฮ่องกงทั้งบ้าน ทั้งบ่อน ร้านอาหารและตลาด ล้วนสวยงามเข้าท่าน่าชมทั้งสิ้น แต่เรื่องมวยจีน กังฟูนั้น ไม่มีอะไรน่าประทับใจ ไม่เหมือนกับที่ได้ดูลีลาเฉินหลงหรือโจวซิงฉือ ไม่ตื่นตาตื่นใจกับกระบวนท่าต่างๆ ของฉากบู๊ โดยเฉพาะฉากที่ควรจะเป็นฉากโชว์ฝีมือของจตุรงค์ (อาเฟย หัวหน้าแก๊งตรอกโรงเจ แสดงฝีมือให้แก๊งฝรั่งที่บ่อน) และตอนท้ายของเรื่องที่เป็นฉากโชว์ 10 กระบวนท่าของมวยนารี ก็ไม่มีอะไรตื่นเต้นหรือน่าประทับใจ ถ้าจะสร้างบทบู๊ (ถึงเป็นบู๊ในหนังตลกก็เถอะ ก็สร้างแนวหนังให้เป็นตลกแบบกังฟูไม่ใช่หรือ) ก็ควรมีลีลากระบวนท่าที่น่าทึ่งให้ดูบ้าง ผมไม่ได้คาดหวังว่า จะต้องมีลีลาบู๊เด็ดขาดแบบหนังบู๊หรอก ขอให้มีกระบวนท่าเด็ดของวิทยายุทธบ้างก็พอ แต่หนังเรื่องนี้ไม่มีมุขเด็ดอันน่าประทับใจอะไร แล้วการเคลื่อนไหวของกล้องที่สั่นไหวตลอดเวลาที่มีการต่อสู้นั่น มากไปหน่อย ดูแล้วเวียนหัวมากกว่าตื่นเต้น
บทบาทการแสดงเป็นไปตามมาตรฐานของนักแสดงตลกที่ชุมนุมกันอยู่นับสิบคนในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวจตุรงค์เองที่รับบทอาเฟย หัวหน้าแก๊งตรอกโรงเจ เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง
ในบทเสิ่นปอ หัวหน้าแก๊งประตูผี จิ้ม ชวนชื่น ในบทหม่าหย่งไห่ หัวหน้าแก๊งมังกรทองและนุ้ย เชิญยิ้ม ในบทอาคุน พ่อบ้านของหม่าหย่งไห่ รวมทั้งนักแสดงตลกอื่นๆ
ส่วนนักแสดงนำบททายาทของหัวหน้าแก๊งมังกรทองของสิทธิชัย ผาบชมภู (บอย AF3) ที่ต้องแสดงเป็น 2 บทบาทของพี่น้องแฝด ทั้งชายแท้ (อาเต๋า) และกระเทย (อาเทียน) ยังไม่ค่อยเข้าตาครับ ทั้งๆที่บทส่งให้เด่นได้กว่านี้ ผมเข้าใจว่า การเอานักร้อง มาแสดงหนัง แถมแสดงเป็นกระเทยอีก ผู้กำกับต้องเคี่ยวมากๆ อย่าคิดว่าเป็นหนังตลก เอาแค่ขำๆ ผ่านๆ ก็พอ ส่วนนักแสดงนำหญิงคนเดียว คือ ปกฉัตร เทียมชัย ในบทเพ่ย เพ่ย ลูกสาวหัวหน้าแก๊งประตูผีที่มาหลงรักอาเต๋าลูกชายของแก๊งมังกรทอง ต้องยอมรับว่าเธอสวยมาก แต่ช่วงเล่นมุขบ้าๆ หวังให้ตลกแล้ว ไม่ตลกครับ ดูประดักประเดิกชอบกล
เนื้อหาและการดำเนินเรื่องพอใช้ได้ ไม่บ้าบอไร้เหตุผลเหมือนหนังตลกบางเรื่อง เพียงแต่สงสัยว่า เขียนบทให้มีตั้ง 3 แก๊งแล้ว ยังสร้างแก๊งฝรั่งเข้ามาด้วยอีกทำไมให้มันมากเรื่องเข้าไปอีก น่าจะเสริมบทให้กับแก๊งทั้งสามให้เข้มข้นขึ้นมากกว่า
มุขตลกก็พอโอเค มีให้ขำตลอดเรื่อง จี้เส้นบ้าง ฝืดบ้างนิดหน่อย โดยรวมถือว่า ให้ความบันเทิงใช้ได้ ที่จะขอติงคือ ตลกคำหยาบกับมุขซ้ำ ขำไปแล้ว ยังมาเล่นอีก เช่น กระเทย 3 คนแก้ผ้าล่อนจ้อนตั้งต้นเรื่องแล้ว ท้ายเรื่องแก้อีกทำไมไม่รู้ ไม่ขำแล้ว
คนที่ได้ชมการแสดงตลกของจาตุรงค์ และนักแสดงตลกในบ้านเราหลายคณะในรายการโทรทัศน์ต่างๆ คงพอเดาแนวมุกตลกแบบไทยๆ ออก บ้าๆบอๆ ทะลึ่งทะเล้นบ้าง รุนแรงบ้าง ฮาบ้าง ฝืดบ้าง มุกตื้นๆ ไม่ลึกนัก แนวล้อเลียน กับแนว กระเทย ภาพยนตร์เรื่องนี้มีทุกรสที่เราท่านเคยดูในโทรทัศน์นั่นแหละ แต่เพิ่มคำพูดหยาบคายตามแนวที่หนังตลกไทยหลายเรื่องนิยมทำ
ภาพยนตร์ในบ้านเรามักเสนอภาพลักษณ์ของเพศที่สามในแนวกระตุ้งกระตุ้ง วิปริต หยายคาย กระหายเซ็กส์ รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย ทั้งบทบาทของอาเทียน นักแสดงนำในบทกระเทย ที่สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องมารับบทเจ้าพ่อ และกลุ่มเพื่อนกระเทยสาว 3 คนที่มีเคทรี (โก๊ะตี๋) เป็นหัวหน้ากลุ่ม ไม่น่าแปลกใจหรอกที่มีองค์กรเกย์ออกมาประท้วง
ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่จะเลิกเอามุขกระเทยมาเล่นตลก แค่เรียกเขาว่า ตุ๊ด นี่ ดูเหมือนกลุ่มเพศที่สามก็ไม่ค่อยชอบกันแล้ว ถ้าคิดว่า เขามีศักดิ์ศรีความเป็นคนเหมือนกัน ก็ไม่ควรล้อเลียนให้เห็นเป็นพวกวิปริต ปากจัด บ้าเซ็กส์ นอกจากนี้ มุขตลกแต่งตัวเป็นกระเทยก็มีให้เห็นในโทรทัศน์แทบทุกวัน
ตั๊ดสู้ฟุด เป็นหนังตลก ไม่ใช่หนังเกย์ แต่เอาเกย์หรือกระเทย มาเป็นตัวตลกชูโรง
ผมเป็นคนชอบดูหนังไทย อยากเห็นหนังตลกไทย เป็นหนังตลกที่มีรสนิยมดี ไม่ต้องมีสาระมากก็ได้ ( แต่ควรจะมีบ้าง) ขอให้อย่าหยาบคายและอย่าใช้มุขตื้นเกินไปนัก ผมอยากให้หนังไทย มีส่วนช่วยพัฒนาความคิดและขยายมุมมองของผู้ชมด้วย
หนังตลกลึก แฝงสาระ และดูมีรสนิยมดีน่ะ ช่วยกันสร้างหน่อย
|