คุณเคยมีความรู้สึกเช่นนี้กับหนังบางเรื่องไหม?
ดูหนังจบ แต่ความรู้สึกบางอย่างก็ตามติดคุณมาตลอดเส้นทางที่กลับบ้าน
เดินบนถนน เตะกระป๋องอย่างเซ็ง ๆ ไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิตดี เหมือนกับตัวละครอย่างลอเร็ตต้า (นำแสดงโดย Cher) จากหนังเรื่อง Moonstruck
เสียงสะอื้นดังกึกก้องอยู่ในใจตลอดเส้นทางกลับบ้าน มีแต่ภาพของตัวละครที่ชื่อ เสกสรร ประเสริฐกุล ก้มลงจูบแผ่นดินไทย บางสิ่งบางอย่างที่คุณได้จากจากหนัง 14 ตุลา สงครามประชาชน
คุณเดินออกมานั่งซึมอยู่ริมชายหาดริเวียร่า อยากกลับไปหาแม่ หลังจากดูหนังเมโลดราม่าของอัลโมโดว่า เรื่อง Volver เพิ่งจบไป
ด้วยอาชีพที่ต้องดูหนังเกือบทุกวัน วันละหลายเรื่อง บางครั้งเราก็ดูหนังโดยไม่ได้นึกถึงอะไรเลย บ่อยครั้งที่ีหนังในดวงใจของเรากลับเป็นหนังง่าย ๆ ที่ส่งผลต่อใจของเราล้วน ๆ
ยิ่งอายุมากขึ้น ผ่านโลกมากขึ้น จำนวนหนังเหล่านี้ก็จะยิ่งลดน้อยลงตามไปด้วย
เหมือนกับที่เจ้ย ...อภิชาติพงศ์บอกที่เมืองคานส์ว่า บางทีเมื่ออายุมากขึ้น ผู้กำกับอาจจะอยากหวนกลับคืนไปสู่วิธีง่าย ๆ เมื่อดิฉันบอกเขาว่า หนัง Volver ของอัลโมโดว่าก็คือเมโลดราม่าดี ๆ นั่นเอง
เปนชู้กับผี เป็นผลงานเรื่องล่าสุดที่อยู่ในกลุ่มหนังดังกล่าว
ได้ดูหนังเรื่องนี้ 2 รอบ รอบแรกเป็นรอบสื่อเมื่อวันอังคารที่แล้ว และรอบสองเมื่อคืนนี้ (เสาร์ที่ 28 ) กับกลุ่มคนที่แตกต่างกัน รอบแรกกับคอหนังอย่าง ร็อบ (นักเขียนหนังชาวอังกฤษ) ซิลเวีย ชาง (นักข่าว Screen ที่สิงคโปร์ ) และแชมป์เจ้าเดิม ส่วนรอบหลัง พาน้องชายวัยสามสิบห้าที่ไม่ใช่คอหนัง แต่เป็นคอการเมืองตัวยงที่เผอิญวาดรูปเป็น
เราคุยกันเยอะถึงผลงานวิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง เรื่องล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นลักษณะความเป็นอาร์ตของหนัง แม้จะเป็นหนังผีก็ตาม ยิ่งเมื่อเห็นจำนวนคนดูเพียง 19 คนในรอบเมื่อคืนนี้ ในโรงหนังแถวบ้านดิฉัน ซึ่งปรกติเป็นตลาดหนังไทยระดับล่าง ก็ได้ตอกย้ำความจริงข้อนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ หรือแม้กระทั่งความไม่ชอบหนังเรื่องนี้ของเพื่อน ความไม่เหมาะของนุ่น หรืออิทธิพลจากหนังเรื่องอื่นหลาย ๆ เรื่องที่มีต่อหนังเรื่องนี้
เปนชู้กับผี เป็นหนังที่มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ให้ความรู้สึกผสมผสาน ในความเป็นหนังผี มันก็ทำให้เรารู้สึกเสียวสันหลังอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ดู ๆ ไปก็กลัวว่าจะมีใครมาโผล่อยู่ข้าง ๆ มาอยู่ข้างหลังเหมือนอย่างที่ นวลจัน เจอผีในเรื่องรึเปล่า เดี๋ยวผีจะมาจี้เอวไหม รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ก็เลยต้องเอาน้องชายไปดูเป็นเพื่อน ดิฉันคิดว่าวิศิษฎ์มีความสามารถที่จะ็ทำหนังผีได้อยู่เหมือนกัน

ดิฉันชอบจุดเล็ก ๆ ในหนังมากกว่า ชอบมิติพีเรียดของหนัง ทั้งงานทางอาร์ตดีไซน์และอาร์ตโปรดักชั่นที่ดูนุ่มนวล เรือนราง เป็นปริศนา ซึ่งได้ตอกย้ำความเป็นปริศนาของบ้านและตัวคุณรัญจวน เพราะฉะนั้นฉากที่ชอบในหนังเรื่องนี้กลายเป็นตอนที่เกี่ยวข้องกับคุณรัญจวนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่ห้องของเธอ ทั้งตอนที่เล่าผ่านแม่บ้านอย่างคุณสมจิต (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์) หรือจากการเดินเข้าไปสำรวจของนวลจันเอง
ส่วนฉากอีโรติกของคุณนวลจัน ก็ใช้ได้นะ แต่มืดไปหน่อย มองไม่เห็น เอาเป็นว่า โทนหนังเรื่องนี้มืดมาก และตามประสานักวิจารณ์ที่ชอบคิดมาก เดาว่าผู้กำกับคงจะต้องการรักษาโทนหนังไว้แบบนี้ เพื่อจะตอบรับโลกแห่งความจริงของหนังที่มาเปิดเผยในช่วงท้าย ซึ่งบอกไม่ได้ คุณผู้อ่านควรจะไปดูเองกันค่ะ
มุมกล้องที่จับหน้านวลจันในหนังเรื่องนี้น่าสนใจ ปรกติแล้ว ฉากเจอผีในหนังผีส่วนใหญ่นั้นมักจะให้กล้องทำหน้าที่แทนสายตาตัวละคร เมื่อตัวละครเกิดสงสัย ได้ยินเสียงแปลกประหลาดขึ้น เธอก็จะเดินไปหาสิ่งที่เป็นปริศนาเหล่านั้น กล้องก็จะเดินไปด้วย มองเห็นหรือไม่เห็น เจอ (ผี) หรือไม่เจอ เหมือนกับตัวละครเลย คนดูก็จะเห็นผีหรือไม่เห็นผีเหมือนอย่างพวกเขา
แต่กล้องในฉากเจอผีของหนังเรื่องนี้กลับโฟกัสที่หน้าของนวลจันตลอด เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นผีโผล่ข้างหลัง โผล่ข้าง ๆ นวลจัน ชัดหรือไม่ชัด ให้ความรู้สึกไม่แน่ใจกับเราเหมือนนวลจัน

แต่มันได้ซ่อนนัยถึงภาวะตัวตนของ นวลจัน เองอีกขั้นหนึ่ง ว่าไปแล้ว ดิฉันรู้สึกว่ามุมกล้องของหนังเรื่องนี้ได้บอกตัวตนที่แท้จริงของ นวลจัน ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ไม่ชัดเจน ซึ่งน้องชายบอกว่าคิดไปเอง ผู้กำกับคงไม่ได้ตั้งใจ
ถึงแม้ว่าบทจะไม่ได้ใหม่ดั้งเดิม แต่ก็ยอมรับว่าก้องเกียรติทำงานได้ดีในการขมวดทุกอย่างให้กลม รับส่งด้วยกันได้ดี ก่อนที่จะมาขมวดในตอนท้าย ขยายวังวนของตัวละครในหนังเรื่องนี้ได้ดี บทพูดมีความละเอียด บทน่าจะได้รับการนำเสนอเข้าชิงบทยอดเยี่ยมอยู่บ้าง
หนังค่อนข้างมีปัญหาในการลำดับเรื่อง ช่วงกลาง ๆ มันช้าไปหน่อย น่าจะตัดหลาย ๆ ตอนให้สั้นลง คนดูหลายคนรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันช้า และมาเร่งรัดในฉากท้าย ๆ หนังของคุณวิศิษฎ์จะมีปัญหาในการเล่าเรื่องช่วงกลาง ๆ เสมอ ตั้งแต่ฟ้าทะลายโจร จนถึงหมานคร และเปนชู้กับผี ช่วงแรก ๆ จะตื่นเต้น เคลื่อนอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่จะมาขยับตัวเร็ว ๆ อีกครั้งในช่วงท้าย ช่วงกลางเรื่องจะช้า บางทีก็เริ่มซ้ำ ซึ่งเพื่อนนักวิจารณ์ต่างชาติก็พูดคล้าย ๆ กัน
แต่ดิฉันพบว่า วิศิษฎ์มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้กำกับหนังดราม่าได้ดี โดยที่เขาซ่อนมันลึกเกินไปภายใต้สไตล์หนังอันหวือหวาก่อนหน้านี้ จนบางครั้งคนดูมองข้ามจุดแข็งในข้อนี้ไป ในฟ้าทะลายโจรนั้น ภาวะความเป็นคนเหงา โดดเดี่ยว และอัตถภาวนิยม (existentialism) ของเสือดำ เพิ่งจะชัดเจนขึ้นก็ตอนที่ตัวเองต้องไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกคนเดียวนานสองปี
กลับมากรุงเทพอีกครั้ง หมานคร ฉายพอดี หนนี้เข้าใจอย่างรวดเร็วว่า ภายใต้วิธีการเล่าเรื่องที่หวือหวานั้น ซึ่งนักวิจารณ์เรา ๆ ท่าน ๆ จะชอบกันนั้น ได้ซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ เราเท่านั้นที่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพ และเมืองไทยได้อย่างไร
เมื่อมาถึง เปนชู้กับผี ซึ่งจุดแข็งในเรื่องเอกลักษณ์ของวิศิษฎ์อาจไม่เด่นชัดเท่าสองเรื่องแรก ๆ ก็เลยทำให้ความเป็นดราม่าของหนังมันโผล่ออกมาชัดเจนขึ้น ฉากสุดท้ายมันทำให้คนดูอยู่ในอาการอึ้งอยู่ไม่น้อย นับว่าเป็นจุด the seeable ภายใต้ผลงาน The Unseeable อย่างเปนชู้กับผี
ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ความละเอียดอ่อนในการทำหนังของวิศิษฎ์ก็ยังคงอยู่ และหนังก็ติดขั้นหนังดีแห่งปีได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เท่ากับที่เราค้นพบว่าเขาสามารถทำหนังดราม่าได้ดี
และเราหวังว่า วิศิษฎ์น่าจะผสมผสานความสามารถของเขา ทั้งในเรื่องสไตล์และการเล่าหนังดราม่าให้โดดเด่นได้มากที่สุดในผลงานเรื่องหน้าให็เห็นเด่นชัดยิ่งขึ้น
|