การเดินทางเข้าไปในเขตแดนเร้นลับ การผจญภัยสุดลึกเร้นยิ่งกว่าครั้งใด สองเท้าย่ำเข้าสู่พงไพร ไร้ซึ่งสรรพสำเนียงสิ่งมีชีวิต นอกเสียจากผู้พิทักษ์ไพรที่ไม่มีใครเคยประสบ เพราะการได้พบนั้น หมายถึงความตาย
ป่าพญาเมฆ อาถรรพ์พงไพรเป็นเรื่องราวบอกผ่านจากรุ่นสู่รุ่น ไม่มีผู้ใดกล้าพิสูจน์ ทว่าเมื่อตำรวจหนุ่มนายหนึ่งจำต้องติดตามไล่ล่าคนร้าย เข้าสู่ป่าอาถรรพ์แห่งนี้ ชีวิตแห่งป่ามรณะจึงถูกปลุกให้ฟื้นตื่นอีกครั้ง
หมวดวุฒิ ( แอนดี้ วัชระ ตังคะประเสริฐ) ตำรวจหนุ่มไฟแรง ระห่ำ ติดตามไล่ล่า นาซอ ( หนึ่ง ชลัฏ ณ สงขลา) โจรอำมหิตผู้ปลิดชีพทุกคนที่ขวางทาง พร้อมพรรคพวกที่แหกคุกหนีเข้าไปในป่าพญาเมฆ ป่าที่มีเรื่องเล่าขานมาแต่โบราณ พร้อมตำนานแห่งเหรียญกาละ จนกระทั่งต้องเผชิญกับ อสูรร้าย แห่งผืนป่าอาถรรพ์ ที่มีความโหดเหี้ยมและกำลังเฝ้ารอเหยื่ออันโอชะผ่านเข้ามา ทั้งหมวดวุฒิและนาซอ จึงต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด และหาทางออกจากผืนป่ามรณะแห่งนี้ ไปพร้อมกับการไขปริศนาตำนานแห่งเหรียญกาละให้จง
ไพรีพินาศเป็นหนังเรื่องที่สองของโมโนฟิล์ม แต่เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมได้ดูของค่ายนี้ หลังจากคำบอกเล่าจากหนังเรื่องแรก(เสือคาบดาบ) ของค่าย ว่าทำเทคนิคพิเศษได้อย่างน่าสนใจ ผมจงหวังว่าจะได้เห็นเทคนิคพิเศษในหนังเรื่องนี้ เพราะจากหน้าหนังแล้ว คงต้องใช้เทคนิคพิเศษ ซีจีไม่น้อย แต่แล้วก็เป็นเพียงเทคนิคธรรมดาทั่วไปที่ยังไม่น่าสร้างความประทับใจอะไรมากเท่าไหร่
แม้ว่าเปลว ศิริสุวรรณ ผู้กำกับยืนยันว่าจะพยายามทำให้สมจริง ไม่เน้นแฟนตาซีมากนัก ก็เป็นได้แต่ป่าไม้พงไพรที่มันควรจะใช้ของจริงอยู่แล้ว ส่วนอย่างอื่นที่สร้างขึ้นล้วนมาบั่นทอนหนังเปล่าๆ อย่างฉากเมฆดำที่ลอยเหนือป่าพญาเมฆ หรือจะเป็นปีศาจวานรทั้งหลายในหมู่บ้านที่ดูแล้วก็ไม่ต่างจากบรรดาตัวประหลาดในอุกาบาต หรือAnimation ทหารรักษาช้างในต้มยำกุ้ง ที่หลายคนมองว่าเป็นส่วนเกินของหนัง หนังเรื่องนี้จึงดูแล้วไม่มีอะไรแปลกใหม่มากนัก ยิ่งคิดไปคิดมาก็เหมือนมานั่งดูละคร อังกอร์ ในโรงหนัง
การนำเรื่องข้ามกาลเวลามาเล่นนับว่าน่าสนใจทีเดียว แต่หนังกลับทำออกมาครึ่งๆกลางๆ จนทำให้หลายคนเดินออกจากโรงอย่างไม่เข้าใจ
นักแสดงหลักของเรื่องส่วนใหญ่นับว่าเป็นนักแสดงหน้าเก่าทั้งสิ้น ที่ต่างไม่นำประสบการณ์ที่ผ่านมามาใช้ให้เกิดประโยชน์ พากันกอดคอเกือบตายหมู่ เหมือนกับเช้าเจอกันอ่านบทพร้อมแสดง เย้นตัดต่อ คืนนี้ออกฉาย
เจ้าเกล็ดเงิน(งูยักษ์ )คือตัวสำคัญสำหรับหนังเรื่องนี้ ที่เป็นจุดขาย รวมทั้งจะทำให้เกิดความน่าตื่นเต้นในหนัง แต่แล้วก็ทำออกมาอย่างไม่สมราคาคุย กลายเป็นเพียงงูไร้พิษสงธรรมดาๆ
แม้โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยมีความสุขกับหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธความสามารถของทีมงาน อาจเป็นเพราะงบประมาณที่จำกัด จึงทำให้ตัวผลงานต้องจำกัดเช่นกัน ผมขอชื่นชมกับความกล้า ความตั้งใจที่ทำหนังแนวนี้ แม้ยังไม่ประสบผลสำเร็จในคำวิจารณ์ หรือรายได้มากนัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่คนไทยจะหันมาพัฒนาในเรื่องของเทคนิค ซีจีมากขึ้น อย่างที่เขาว่าแหละว่าความสำเร็จมักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
|