มีอะไรหลายอย่างที่ดิฉันเคยตั้งใจไว้ ว่าจะเขียนเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ แต่ท้ายที่สุด ก็ตัดสินใจเก็บมันไว้
ประการแรก ดิฉันคิดไว้ว่าจะเขียนบทวิจารณ์นี้ลงหนังสือพิมพ์ก่อน
เพราะความรวดเร็วของเว็บไซต์จะทำให้งานเขียนของตนกลายเป็นงานชิ้นแรก ซึ่งดิฉันพยายามเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง กลัวอุปาทานกลุ่ม เหมือนอย่างปรากฏการณ์ที่เกิดกับอหิงสา และ เพื่อนสนิท
ประการที่สอง ดิฉันตั้งใจจะพาดหัวเรื่องไว้ว่า Invisible Waves คำพิพากษามหาสมุทร
คลื่นที่ก้าวผิดทาง แต่คิดไปคิดมา ไม่เอาดีกว่า เพราะถ้าปล่อยออกไปอย่างนี้ มันหมายความว่าหนังเรื่องที่ 5 ของเป็นเอก คงจะไม่มีอะไรดีเลย
ถ้าจะกล่าวโดยรวมแล้ว ดิฉันยอมรับว่าคุณต้อม .. เป็นเอก รัตนเรือง แกสอบผ่านหมดแล้วเรื่องความปราณีตในการทำหนัง เพราะฉะนั้น สิ่งที่เห็นใน Invisible Waves ก็คือ เป็นงานที่ไม่มีข้อบกพร่องในกระบวนการผลิตขั้นพื้นฐาน ภาพสวย การแสดงดี ไม่เสแสร้ง ไม่เว่อร์เกิน บทน่าสนใจ ไม่ไร้สาระ การดำเนินเรื่องอย่างมีที่มาที่ไป ทุกอย่างดูดีหมด ว่าไปแล้วดีกว่าหนังของต้อมก่อนหน้านี้อย่าง ฝัน บ้า คาราโอเกะ และมนต์รักทรานซิสเตอร์ ซึ่งมีรอยแผลเรื่องเว่อร์หรือจงใจเกินเหตุในหลาย ๆ ตอน จนดูหนังไม่เป็นธรรมชาติ
แต่ถ้าจะถามว่าหนังเรื่องนี้เติมใจดิฉันให้เต็มอย่างที่ตัวเองเคยได้จากหนังเรื่อง เรื่องตลก 69 ซึ่งกลายเป็นหนังของเขาที่ดิฉันชอบมากที่สุด และตัวผู้กำกับก็บอกไว้เช่นนั้นเหมือนกัน หรือหนังที่ดูครั้งแรก ๆ เฉย ๆ แต่ยิ่งดูยิ่งชอบอย่าง Last Life In the Universe ก็หามีไม่
บางสิ่งบางอย่างใน Invisible Waves ทำให้มนต์เสน่ห์แห่งความราบเรียบของชื่อเป็นเอกหายไป
ความพยายามที่จะทำให้หนังแตกต่างจากสิ่งที่เขาเคยทำ ทำให้เขาพยายามทำอะไรที่แปลกออกไป การใช้มุมกล้องที่ดูเหมือนปิด ๆ บัง ๆ ความรู้สึกของตัวละครมาตลอดเรื่อง แรก ๆ ก็ปิดบังให้เห็นข้าง ๆ บ้าง ข้างหลังบ้างของตัวละครที่สะกดรอยตามคิโยจิ ไม่ว่าจะเป็นมือปืนญี่ปุ่นที่ชอบร้องเพลงคาราโอเกะ หรือภาพของทูน ไม่ว่าความนิยมในการใช้ภาพลองช็อตบ้าง หรือไม่อย่างดีก็แค่ภาพ medium shot
ดิฉันยอมรับว่า เขาสามารถรักษาความต่อเนื่องกับกรรมวิธีแบบนี้ได้ตลอด แต่ภาพเหล่านี้มันได้บดบังที่จะทำให้เราเห็นความรู้สึกของตัวละครอย่างคิโยจิ คนที่เรารับรู้จากบทสัมภาษณ์ของเป็นเอก ว่าี้เป็นคนที่รู้สึกผิดต่อการกระทำของตนเอง แต่เราไม่เห็น แถมบางภาพที่จะเป็นระยะโคลสอัพ ก็ดันใช้อะไรมาปิดบังให้มันดูมัว ๆ เหมือนใช้เลนส์นุ่ม
ดิฉันคิดว่า ผู้กำกับพยายามปิดบังความรู้สึกของตัวละครอย่างเห็นได้ชัด อ้าว ไม่ต้องดูอื่นไกล ฉากบนเรือตอนที่น้อยบอกว่า หน้าตาคิโยจิแย่จัง คุณสังเกตไม่ล่ะค่ะว่ากล้องไม่จับหน้าตาของเขาเลย จับแต่หน้าตาคังแฮจุง
เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราน่าจะเห็นเป็นความรู้สึกผิดของคิโยจิ กลับคลุมเคลือไม่ชัดเจน ว่าไปแล้ว พอถึงฉากสุดท้าย ดิฉันรู้สึกว่าคิโยจิออกจะบื๊อ ๆ เล็กน้อยที่ไม่ทันคน เชื่อคนง่าย
ดิฉันคิดว่าวิธีการแบบนี้มันไม่เหมาะกับเนื้อหาที่ผู้กำกับต้องการเสนอเลยค่ะ
และเผอิญนี่ไม่ใช่วิธีการเดียวที่แกใช้ในหนังเรื่องนี้ แต่ยังรวมไปถึงกรรมวิธีอื่น ๆ อีกหลายอย่าง คราวนี้มันไม่สัมฤทธิ์ผล ก็เลยทำให้ Invisible Waves กลายเป็นหนังที่คลุมเครือ ทั้งสถานที่ ลำดับเรื่อง อารมณ์ของตัวละคร
เพราะฉะนั้น อย่าแปลกใจนักถ้าคุณจะออกรู้สึกงง ๆ แถมหนังยังใช้สถานที่ถ่ายทำหลากหลาย แต่ทุกที่มีลักษณะเหมือนกันหมด ทำให้คลื่นแรกในสมองต้องปรับตัวก่อนว่าหนังเกิดขึ้นที่ไหน บางครั้งก็รู้ได้จากบทสนทนาของตัวละครมากกว่าภาพ ทำให้หนังดูเสียยี่ห้อเป็นเอกไปสักนิด ที่ปรกติจะเป็นคนใช้ภาษาหนังได้ดีมาก
ด้วยเหตุนี้ ดิฉันก็ยังขอยืนกรานคำเดิมว่าี้ เรื่องตลก 69 เรื่องที่แกดำเนินเรื่องอย่างตรงไปตรงมา แต่เล่นกับการใช้ภาษาหนังอีกแบบหนึ่ง ยังเป็นหนังของเป็นเอก รัตนเรืองที่ดิฉันชอบมากที่สุด และดีที่สุด
บทวิจารณ์ของฝรั่ง Variety, Hollywood Reporter และ Screen Daily ฉบับแปลเป็นภาษาไทยแล้ว
|