สิบสี่กุมภาพันธ์ สองพันสี่ร้อยแปดสิบสี่
วันแสนดี วันที่รัก ปักใจสอง
หวังให้เธอ เคียงอยู่ เป็นคู่ครอง
ไม่หวังปอง สิ่งอื่นใด ในโลกา
แต่ชะตา นั้นกลั่นแกล้ง ไม่เข้าข้าง
จำต้องห่าง ร้างไกล ให้โหยหา
ขอจงรอ รอพี่หน่อย นะแก้วตา
รอพี่มา กลับใกล้ชิด นิจ...นิรันดร์
โรงพยาบาลเก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ มีเรื่องราวความรักถือกำเนิดขึ้น พยาบาลชื่อว่า สาว (พลอย จินดาโชติ) ซึ่งถึงแม้ว่าเธอเพิ่งจะย้ายมาประจำการที่โรงพยาบาลแห่งนั้นได้ไม่นานนัก แต่เธอก็เป็นที่รักใคร่ชอบพอของเพื่อนร่วมงานทุกคนในโรงพยาบาล ไม่เว้นแม้แต่ภารโรงชื่อว่า หนุ่ม (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) คนซื่อที่ถูกชะตากับพยาบาลสาวตั้งแต่แรกเห็นในวันวาเลนไทน์ของปี 2549 นี้ด้วย ก่อนหน้านี้ สาว มักจะมีอาการประหลาดที่ต้องตื่นขึ้นมาอาเจียนในทุกๆเช้า และทุกครั้งสิ่งที่เธออาเจียนออกมานั้นดูไม่แตกต่างจากรกเด็กที่เธอเคยเห็นในห้องคลอดเลยสักนิด รวมทั้งเธอยังมีอาการเห็นภาพซ้อน แวบเข้ามาในสมองอย่างไม่มีที่มาที่ไป และภาพที่เห็นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นภาพของโรงพยาบาลแห่งเดียวกันนี้ ในยุคสงครามเมื่อกว่าหกสิบปีที่ผ่านมา เท่านั้นไม่พอ สาว ยังได้พบกับภาพถ่ายเก่าๆ ในภาพนั้นเป็นภาพของหนุ่มในชุดทหารสมัยสงครามถ่ายคู่กับเธอในชุดพยาบาลในยุคเดียวกัน และด้านหลังภาพถ่ายเป็นลายมือของหนุ่มที่เขียนถึงเธอ จากข้อความบางอย่าง บ่งบอกว่าในชาติที่แล้วทั้งสองคนนี้คือคู่รักกัน แต่ยังไม่ทันที่ สาว จะนำภาพถ่ายใบนั้นไปให้ หนุ่ม เพื่อคลายความเคลือบแคลงสงสัยของเธอ อุบัติเหตุกลับทำให้ หนุ่ม กลายเป็นอัมพาต และไม่สามารถสื่อสารใดๆได้ นอกจากแค่กะพริบตา หรือเวรกรรมกำลังจะตามมาสนองคู่รักเมื่อชาติที่แล้วคู่นี้อย่างเท่าทัน
Do You Believe in Destiny? ครั้งหนึ่งผู้กำกับ เคยตั้งคำถามนี้กับคนดูในภาพยนตร์เรื่องกุมภาพันธ์ สามปีให้หลังเขาได้พลิกมุมมองความรักจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ด้วย การบอกว่า ความรักไม่ใช่เรื่องของพรหมลิขิต อีกต่อไป
ผมขอชื่นชม คุณยุทธเลิศ สิปปภาค กับผลงานล่าสุดเรื่อง กระสือวาเลนไทน์ แม้จะเพิ่งต้นปี แต่ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังดีที่ควรชมเรื่องนึงของปีเลยทีเดียว ทุกอย่างทำออกมาอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลที่มาที่ไปของเรื่อง ตัวละคร ฉาก และสถานที่ โดยเฉพาะบทภาพยนตร์ ทำให้ผมเห็นความเก่งกาจของผู้กำกับท่านนี้ไม่น้อย หลังจากที่ผมแอบชื่นชมในเรื่องกุมภาพันธ์ แต่มาผิดหวังกับ บุปผาราตรีทั้ง 2 ภาค
ในเรื่องการแสดงนั้น ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ และพลอย จินดาโชติ ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงทางด้านภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ ทั้งคู่ได้สวมบทบาทของ หนุ่มและสาว ได้อย่างไม่มีที่ติ พูดได้ว่าอย่างน้อยต้องมีชื่อทั้งคู่เข้าชิงนักแสดงนำเลยทีเดียว แถมด้วย โกวิท วัฒนกุล และ วิยะดา อุมาริน ทร์ ที่มาย้ำว่าการแสดงของเรื่องนี้ผ่านฉลุย มีเพียงแต่การแสดงเจ้าของตระกูลฉลุย คุณอังเคิล ที่ยังไม่ฉลุย ดูขัดๆเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้หนังด้อยลง
สำหรับหนังเรื่องนี้คนดูอาจจะเกิดคำถามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตอนที่สาวเป็นกระสือแล้ว ทำไมตอนวิ่งออกจากร่างยังเป็นร่างคนอยู่ หรือจะเป็นผีเด็กอนุบาลกับผีคนแก่ว่าเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร ผมว่าถึงตรงนี้จะเป็นความตั้งใจของผู้กำกับเอง แต่ถ้าคนดูไม่ได้รู้ความคิดของผู้กำกับ ก็จะทำให้เป็นข้อผิดพลาดของหนังเรื่องนี้ ทางที่ดีควรทำให้ชัดเจนเลยดีกว่า
ในเรื่องกระสือต้องยกเครดิตให้ ธนาวุฒิ บู่สามสาย ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว แม้จะดูเผินๆไม่น่ากลัวอะไร แต่ถือว่าเป็นการทำอย่างลงตัวกับหนังเรื่องนี้
ผมขอติเล็กน้อยกับเสียงประกอบ ซึ่งเป็นเสียงแนวเดียวกับบุปผาราตรี ทำให้หนังจากที่อ่อนกำลังดี ขึ้นมากระโดกกระเดกอย่างไร้เหตุผล ความน่ากลัว ความเศร้าจึงลดลง
ท้ายนี้ผมหวังว่าคงจะได้เห็นผลงานคุณภาพเช่นนี้อีกใน กระสือลอยกระทง กระสือสงกรานต์ หรือจะเป็น กระสือกู้ชาติ ครับ
(อย่าเรียกว่าวิจารณ์เลยครับ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นในสายตาคนดูมากกว่า มาเล่าสู่กันฟัง)
|