สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
รัฐบาลอภิสิทธิ์ให้งบสร้าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3 และ ภาค 4 สงครามยุทธหัตถี
  รายงานโดย ณัฎฐ์ธร กังวาลไกล
  LINK : เมนูรวมข้อมูลนเรศวร
  ข้อมูล ภาพนิ่ง และเทรลเลอร์
   
 

 

หลังจากถ่ายทำมาได้พักใหญ่ๆ โดยที่หลายคนก็ได้แต่สงสัยว่าถ่ายไปถึงไหน และเมื่อไหร่จะเสร็จสิ้น ล่าสุด ภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ก็ได้จัดงานแถลงข่าวอีกครั้ง โดยจุดประสงค์หลักเป็นการประกาศให้ทุกคนได้ทราบว่า ตอนนี้รัฐบาล ผ่านทางกระทรวงวัฒนธรรม ได้เข้ามาให้การสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ และประกาศว่าหนังจะมีภาคสี่ตามออกมาอีก ส่วนจุดประสงค์อื่นๆ ก็คือการเปิดตัวนักแสดงใหม่ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามากว่า 30 คน โดยบรรยากาศร่วมๆ ของงานแถลงข่าวก็สมฐานะของหนัง และนักข่าวก็มาเยอะกว่าข่าวเปิดตัวหนังปรกติ เพราะว่ามีนักข่าวสายการเมืองที่ติดตามมาทำข่าวของท่านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย


 

ในส่วนรายละเอียดของนักแสดง นอกจากที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้อย่าง จั๊กจั่น อคัมย์สิริ,นุ่น ศิรพันธ์ และนุ้ย เกศรินแล้ว ก็ยังมีคนอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่าง วิชุดา มงคลเขตต์ ที่หลายคนอาจจะจำชื่อเธอได้จากบทบาทในหนังของท่านมุ้ยอย่าง “มือปืน 2 สาละวิน” และ “เสียดาย 2” และเธอก็หายไปนานมากและไม่ได้เห็นในภาพยนตร์ไทยเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว โดยบทที่เธอได้รับคือ “เจ้าจอมเป๋อ” นอกจากนี้ก็ยังมี ดอม เหตระกูล ในบท “เสือหาญฟ้า” คนรักเก่าของเล่อขิน และพันธกฤต เทียมเศวต หรือลูกชายของสรพงษ์ ชาตรี รวมแล้วมีนักแสดงมาร่วมแสดงในภาคใหม่ถึง 30 คน

สำหรับเรื่องราวในหนัง ก็ยังคงเน้นตามประวัติศาสตร์ที่คนไทยส่วนใหญ่รับรู้กันดี ผสมกับการค้นคว้าโดยอาจารย์สุเนตร ชุตินทรานนท์ ที่ยังคงเป็นผู้ร่วมเขียนบทของหนัง เหตุการณ์ในภาค 3 และ 4 จะจับความตรงช่วงหลังที่สมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสรภาพ ซึ่งรวมไปถึงยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราช และสงครามกับพระเจ้านันทบุเรง แต่ก็ยังมีรายละเอียดเล็กๆ อีกเช่นกันที่อาจจะเป็นที่ถกเถียงกันอีกทีหลังจากหนังฉาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “มณีจันทร์” ซึ่งหลายคนที่ดูภาค 1 และ 2 ก็เคยสงสัยว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหนตามข้อเท็จจริง แต่ตามประวัติศาสตร์ท่านมุ้ยยืนยันว่ามณีจันทร์มีจริง และเป็นพระมเหสีของสมเด็จพระนเรศวรฯ หลังทรงครองราชย์ นอกจากนั้นยังมีพระราชโอรสร่วมกันอีกด้วย และนอกจากในส่วนประวัติศาสตร์ ท่านมุ้ยก็ยังไม่ลืมที่จะใส่มุมที่เกี่ยวข้องกับความรัก ผ่านตัวละครอย่าง “ออกพระราชมณู” และ “เลอขิ่น” โดยให้ความสัมพันธซับซ้อนมากขึ้น เมื่อเลอขิ่นได้พบเจอกับอดีตคู่หมั้น เสือหาญฟ้า ส่วนออกพระราชมณูก็ได้พบเจอกับรัตนาวดี ที่รับบทโดย จั๊กจั่น อคัมย์สิริ

 


แต่หลักใหญ่ใจความสำคัญของงานในครั้งนี้ คือการแถลงโดยนายกอภิสิทธิ์ ซึ่งท่านได้ให้เหตุผลที่รัฐบาลตัดสินใจที่จะสนับสนุนภาพยนตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ” ว่า เพราะเชื่อมั่นว่าภาพยนตร์ทั้งสองภาค จะช่วยปลุกจิตสำนึกในการรักชาติ และความสมัครสมานสามัคคีให้เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยยืนยันว่าจะสนับสนุนการสร้างหนังที่กำลังถ่ายทำอยู่อย่างเต็มที่
และหลังจากที่แถลงเสร็จ นายกรัฐมนตรีก็ไปถ่ายรูปร่วมกับนักแสดงและท่านมุ้ย ก่อนที่ท่านมุ้ยจะกลับมาตอบข้อซักถามแก่สื่อมวลชน ท่านมุ้ยได้ชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ อย่างเช่น ทำไมจะต้องมีภาคที่สี่ตามมาอีก หลังจากเคยวางไว้แค่ภาคสาม โดยท่านเห็นว่าถ้าหากจบเรื่องด้วยเหตุการณ์ยุทธหัตถี มันจะเหมือนโกงคนดู เพราะนันทบุเรง ซึ่งเป็นตัวร้ายหลักในหนังยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็เลยเห็นว่าถ้ามีภาคสี่จะทำให้เรื่องสามารถเล่าได้ครบถ้วนมากกว่า ส่วนเรื่องที่การถ่ายทำล่าช้า มีด้วยกันหลายประการ อย่างแรกเลยคือเกิดจากการบาดเจ็บเพราะอุบัติเหตุของท่าน ที่กินเวลารักษาตัวค่อนข้างนาน แต่ระหว่างนั้นก็มีการทำ CG ไปก่อน รวมไปถึงปัญหาด้านเงินทุน และปัญหาด้านการถ่ายทำ ในฉากยุทธหัตถีที่ไม่สามารถถ่ายทำให้ช้างชนกันจริงๆ ได้ แต่ท่านก็ได้แก้ปัญหาด้วยการนำเอาเทคนิค Motion Capture (เทคนิคที่ใช้การเคลื่อนไหวของคนจริงๆ หรือสัตว์จริงๆ มาเป็นต้นแบบในการทำภาพ Computer Graphic เพื่อสร้างภาพที่ไม่อาจจะถ่ายทำได้จริง ให้ดูแล้วเกิดความสมจริงในการเคลื่อนไหว) และต้องสร้างโรงถ่ายขึ้นมาเพื่อรองรับการทำงานกับ Motion Capture ด้วยเหตุนี้ เป็นผลทำให้ท่านมุ้ยได้เปิดบริษัททำเอฟเฟกต์ชื่อ “พร้อมมิตรวิช่วล” ขึ้นมาเพื่อรับงานด้านเทคนิคพิเศษ แต่ก็ใช่ว่าซีจีจะทำได้ทุกอย่าง เพราะหลายฉากที่ต้องถ่ายทำจริง อย่างเช่นฉาก “ยุทธนาวี” ซึ่งเป็นการรบกันทางน้ำ ก็ยังไม่ได้ถ่ายทำ ท่านมุ้ยได้ประมาณว่าภาคสามเหลือส่วนที่ต้องถ่ายอีกประมาณ 15 เปอร์เซนต์


 

เมื่อมาถึงคำถามที่ว่า รัฐบาลได้เข้ามาช่วยสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างไร ท่านมุ้ยก็ได้ให้คำตอบว่า จริงๆ เรื่องของการสนับสนุนหนังไทยโดยภาครัฐ ได้มีการประชุมหารือกันมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนๆ เช่นสมัยของนายสมัคร สุนทรเวช จนมาถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยที่ท่านก็เข้าประชุมทุกครั้งแต่ยังไม่มีความคืบหน้าไปไหน จนกระทั่งมารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ทุกอย่างก็เริ่มเดินหน้า เมื่อท่านมุ้ยและท่านนายกฯ ได้รับเชิญไปงานประกาศรางวัลสุพรรณหงส์ และในงานนี้ ท่านมุ้ยได้กล่าวขอให้ท่านนายกช่วยหนังไทย เหตุการณ์นั้นส่งผลให้นายกอภิสิทธิ์ ได้ร่วมประชุมพูดคุยกับท่านมุ้ยอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ดูว่ามีอะไรที่รัฐบาลพอจะช่วยเหลือ หรือมีการสนับสนุนแบบใดบ้างที่รัฐบาลจะสามารถทำได้ โดยการสนับสนุนหนังไทยได้เริ่มที่ภาพยนตร์เรื่อง “สามชุก” ของธนิตย์ จิตนุกูล ที่กำลังออกฉายอยู่ในขณะนี้ โดยการสนับสนุนสำหรับเรื่องนี้คือการรับประกันคุณภาพของหนังว่าสมควรที่ประชาชนจะออกมาชมกัน

แต่เมื่อถามถึงในส่วนของรูปแบบการสนับสนุนสำหรับ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวร” คำตอบจริงๆ ของท่านมุ้ยคือ รัฐบาลไม่ได้ช่วยในด้านงบประมาณการถ่ายทำอย่างที่หลายคนอาจจะเข้าใจ แต่เป็นการช่วยในส่วนของการสนับสนุนด้านอื่นๆ เช่นการอำนวยความสะดวกในการถ่ายทำ หรือการช่วยประชาสัมพันธ์ไปในด้านต่างๆ โดยทางด้านหม่อมกมลา ยุคล ได้กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีงบสำหรับการถ่ายทำต่อ ทำให้การถ่ายทำต่อยังคงต้องรอไปเรื่อยๆ จึงไม่สามารถกำหนดวันเวลาฉายที่แน่ชัดของภาพยนตร์ได้ ถึงแม้ภาครัฐอยากจะให้เสร็จทันปลายปี แต่ดูเหมือนการถ่ายทำให้เสร็จภายในปีนี้จะยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็น่าจะได้ดูอย่างน้อยภายในปีหน้าแน่นอน


เรียว กิตติกร ผู้ช่วยผู้กำกับ และพี่หง่าว ผู้ฝึกหัดนักแสดง

ในการสัมภาษณ์ ท่านมุ้ยได้กล่าวถึง “เพชรพระอุมา” เล็กน้อย โดยตอนนี้ได้เตรียมงานขั้นต้น และมีบทที่ค่อนข้างเสร็จดีแล้ว กำลังทำการคัดเลือกนักแสดงอยู่ แต่ว่านักแสดงคนไหน ใครจะมารับบทนำ ท่านยังไม่อยากจะตอบในตอนนี้ เก็บไว้ให้เป็นเซอร์ไพรส์ไปก่อน ส่วนที่มาของงบ ท่านมุ้ยได้ตอบว่า นายทุนอยู่แถวๆ นี้ และหนังก็ไม่ได้ใช้เงินมากมายอย่างที่ทุกคนคิดว่าหนังจะต้องเป็น แต่ถึงอย่างไร ท่านมุ้ยก็คงจะต้องเสร็จสิ้นจาก “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ” เสียก่อน โดยท่านได้ยืนยันว่า ภาคสี่จะเป็นภาคสุดท้ายอย่างแท้จริง

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.