สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
การเดินทางของ A Moment In June
  อัญชลี ชัยวรพร / อัพเดท กันยายน 2551
  LINK : อ่านบทสัมภาษณ์ผู้กำกับ โอ ได้ที่นี่                                กระแสตอบรับในเทศกาลหนังปูซาน
  บทวิจารณ์ : บทวิจารณ์ : ก้าวแรกที่ยังต้องพิสูจน์ของโอ นัฐพล           
  Interview with the director in English
   
 

 

 

“ความคิด” (Hear the Wind Sing) โดย “แสตมป์ 7th Scene”

 

 

 

ประเภทภาพยนตร์                      รัก-ดราม่า
บริษัทผู้สร้าง                               The Story of O
บริษัทจัดจำหน่าย                       สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ควบคุมงานสร้าง                         ณัฐพล วงศ์ตรีเนตรกุล
กำกับและเขียนบทภาพยนตร์        ณัฐพล วงศ์ตรีเนตรกุล
กำกับภาพ                                             David Ethan Sanders (จบการศึกษาด้านภาพยนตร์จาก Art Center College of Design California USA เคยร่วมงานกับ MTV USA และ NASA และกวาดรางวัลภาพยนตร์สั้นจากหลายสถาบันทั่วโลก)                       
ออกแบบงานสร้าง                              Tomoya Imai (จบการศึกษาด้านภาพยนตร์จาก Los Angeles City College California USA ผลงานที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่อง Hula Girls และ งานมิวสิกวีดีโอ ในประเทศญี่ปุ่
กำกับศิลป์                                  พลเอก สังฆคุณ
ออกแบบเครื่องแต่งกาย                   นิรชรา วรรณาลัย
ดนตรีประกอบ                                    Robert Walker  (อดีตอาจารย์ด้านดนตรีที่มหาวิทยาลัยศิลปากร อดีต Conductor ของ Bangkok Symphony Orchestra)
ลำดับภาพ                                            ลี ชาตะเมธีกุล
ตัดต่อเสียง                                           อัคริศเฉลิม กัลยาณมิตร
ฟิล์มแล็บ                                              กันตนาฟิล์มแล็บ
บันทึกเสียง                                           เทคนิคคัลเลอร์
เพลงประกอบภาพยนตร์เพลง ความคิด
(เนื้อร้อง-ทำนอง-ขับร้อง อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข  - แสตมป์ 7thScene)

นักแสดง : ชาคริต แย้มนาม, น้อย วงพรู, เดือนเต็ม สาลิตุล, นุ่น สินินทา, นภัสกร มิตรเอม, สุเชาว์ พงษ์วิไล, กิ๊ก มยุริญ และ ฮิโตะ ซาโน

 

 

เรื่องย่อ

เรื่องราวความรักความสัมพันธ์ของคนหกคนผ่านหนึ่งบทเพลงที่ทำให้ทั้งหมดได้มาพบกัน กับโอกาสครั้งที่สองของความรักที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตของพวกเขาที่ดำเนินผ่านเหตุการณ์ 2 ห้วงเวลาแห่งปี 2515 และ 2542

“แม้ชีวิตคู่มันจะเดินต่อไปไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่รักกัน”
ปกรณ์ (ชาคริต แย้มนาม) พบว่าการใช้ชีวิตคู่กับ พล (นภัสกร มิตรเอม) ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ทั้งสองตกลงใจที่จะแยกกันสักพัก ขณะที่พลออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง ปกรณ์ก็คร่ำเคร่งกับงานกำกับละครเวทีที่เขารักด้วยหัวใจไม่เป็นสุขนัก กับความไม่แน่ใจในคำสัญญาว่าจะกลับมาเจอกันอีกครั้งที่สถานีรถไฟ...

“มีบางสิ่งบางอย่างที่เวลาไม่สามารถทำลายได้”
อรัญญา (เดือนเต็ม สาลิตุล) กำลังมุ่งหน้าไปหา กรุง (สุเชาว์ พงษ์วิไล) ผู้ชายที่เธอมั่นรักเขามาตลอด 30 ปี เธอมีคำถามมากมายที่จะถามเขา แต่เธอก็ไม่รู้ที่จะเริ่มต้นมันอย่างไรดี ขณะที่กรุงจมอยู่กับอดีตรักที่เคยผิดพลาด จนยากที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...

“เราจะบังคับตัวเองได้มั้ย เมื่อเวลาที่ความรักเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว”
2 สัปดาห์ก่อนการแต่งงาน เจ้าสาว (สินิทธา บุญยศักดิ์) พบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากใจที่สุด เธอได้ตกหลุมรักกับ เพื่อนเจ้าบ่าว (กฤษฎา สุโกศล แคลปป์) ซึ่งมีครอบครัวแล้ว ทั้งคู่จะห้ามใจหักดิบความรู้สึกในรักนี้ได้อย่างไร...

พวกเขาและเธอต้องเผชิญกับเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายที่ยากต่อการตัดสินใจ
บางคน...เข้าใจและรับ “โอกาสครั้งที่สอง” มาแก้ไขในความรักที่เคยพลาดผิดไปนั้นได้อย่างสวยงาม
ขณะที่บางคน...มองข้ามผ่าน และสายเกินไปเมื่อจะย้อนกลับมาไขว่คว้า “โอกาสนั้น” อีกครั้ง...

 

ที่มา

เป็นโปรเจ็คหนังที่ออกจะเงียบ ๆ สักเล็กน้อย เพราะรู้จักกันเฉพาะในวงการหนังอินดี้บ้านเรา A Moment In June อาจจะเป็นโปรเจ็คหนังยาวอีกเรื่องที่จะนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย

A Moment In June กำกับการแสดงโดย โอ นัฐพล โปรเจ็คนี้เริ่มเปิดเผยสู่สายตาภายนอกเมื่อปี 2548 เมื่อหนังได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในสามโปรเจ็คที่้เดินทางไปหาแหล่งทุนที่ฝรั่งเศส  โดยมี ณต ทองศรีพงษ์ เป็นโปรดิวเซอร์ (ก่อนที่ ณต ทองศรีพงษ์ จะแยกตัว ออกไปสร้างผลงานเป็นหนังยาว 40 นาที เรื่อง ลอสแอนด์ฟาวนด์ ของเขาเอง)  ส่วนโอ นัฐพล ตั้งใจทำงานของเขาเองต่อไป  โดยรับตำแหน่งทั้งโปรดิวซ์ เขียนบท และกำกับเอง

หนังเริ่มถ่ายทำตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน 2549 ด้วยทุนของผู้กำกับเอง และเสร็จขั้นตอนโพสต์โปรดักชั่นในปีต่อมา  โอติดต่อหาผู้จัดจำหน่ายในช่วงนั้น   ก่อนที่จะหยุดชะงักไประยะหนึ่ง   เนื่องจากผู้กำกับตัดสินใจไปต่างประเทศ  เขากลับมาอีกครั้งเมื่อต้นปี 2551   เริ่มส่งไปเทศกาลต่าง ๆ และหาผู้จัดจำหน่ายในต่างประเทศ โดยได้สหมงคลฟิลม์ดูแลให้ในที่สุด   

 

รายละเอียดนักแสดง


ปกรณ์ (ชาคริต แย้มนาม) - ชายหนุ่มอารมณ์อ่อนไหว เป็นผู้กำกับละครเวทีบ้างาน ที่กำลังสับสนในความรักของตัวเอง ระหว่างงานที่ได้รับการยอมรับกับความรักบนเส้นทางแห่งเพศที่สาม เขาจะตัดสินใจให้น้ำหนักกับเรื่องไหนดี

“เรื่องนี้ผมรับบทเป็น ปกรณ์ เป็นผู้กำกับละครเวที เป็นคนที่ค่อนข้างมาจากครอบครัวที่ไม่ได้มีเงินมากมาย เป็นคนที่อารมณ์ค่อนข้างอาร์ติสมาก ทุกอย่างเขาทำมาด้วยตัวของเขาเองในความรู้สึกของตัวเอง เป็นคนที่สันโดษ แต่ก็ตามหาความรัก ตามหาสิ่งที่ใช่อยู่ แต่ด้วยความที่เขาเป็นศิลปินมากเกินไป มันก็ค่อนข้างไม่ลงกับจังหวะชีวิตของตัวเองซักเท่าไหร่ครับ

ผมว่า ทุกคนก็ต้องมีส่วนที่ตัวเองเหงา ทุกคนก็ต้องอยากมีคนที่ใช่ แต่ว่ามันอยู่ที่ว่าโอกาสนั้นจะมาเมื่อไหร่ เราคิดว่าเราควรต้องมีประสบการณ์เกี่ยวกับความรักที่เราต้องเรียนรู้ในการดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้นะครับ”

 

เพื่อนเจ้าบ่าว (กฤษฎา สุโกศล แคลปป์) - ชายหนุ่มที่แต่งงานแล้ว แต่โชคชะตานำพาให้เขามาพบเจอกับหญิงสาวที่กำลังจะแต่งงาน ทั้งคู่มีใจให้กัน แต่ระหว่างความรักกับความถูกต้องเป็นสิ่งที่เขาต้องใคร่ครวญให้หนัก  

“ในเรื่องนี้ผมรับบทเป็น เพื่อนของเจ้าบ่าว ที่มารักกับแฟนของเขานะครับ ก็ถือเป็นความรักอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจและตัวละครต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกที่สุดนะครับ

ผมรู้สึกว่าในเมืองไทยสิ่งที่สำคัญที่สุดกับนักแสดงหลายคน คือ บทที่ดี ถ้ามีใครมาเสนอเราในเรื่องราวที่เราอยากมีส่วนร่วมด้วย เราก็ยินดีที่จะรับเล่น ยินดีที่จะให้เต็มร้อย อย่างในบท A Moment in June นี้ถือว่าเป็นบทที่น่าสนใจสำหรับผมมากครับ

สำหรับหนังเรื่องนี้ผมรู้สึกว่าทุกอย่างเกี่ยวกับเวลา ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันในเรื่องนี้ ความรักนี้เกี่ยวกันอยู่สองอย่าง เกี่ยวกับโชคชะตากับการที่เราจะสามารถสร้างความรักให้เกิดขึ้นได้ กล้าแสดงออก ถ้าจะพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา อย่าไปพลาดโอกาสนั้น”


ว่าที่เจ้าสาว (สินิทธา บุญยศักดิ์) – หญิงสาวผู้มีความมั่นใจในตัวเองเกินยุคสมัย เธอกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ แต่โชคชะตาก็นำพาเธอให้มาพบเจอกับชายหนุ่มที่มีครอบครัวที่ดีอยู่แล้ว ความผูกพันที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นกลายเป็นความรักโดยไม่ทันตั้งตัว

“ในเรื่องนี้เล่นเป็น ว่าที่เจ้าสาว ที่กำลังจะแต่งงานกับเพื่อนของพระเอก ตัวละครนี้จะเป็นผู้หญิงที่มั่นใจมากในยุคสมัยนั้น เป็นผู้หญิงทำงานที่เลี้ยงตัวเองได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งผู้ชาย ค่อนข้างอิสระพอตัวเลยนะคะ บทนี้เล่นยากเพราะมันต้องเล่นจากข้างในหมดเลย มันจะไม่แสดงออกด้วยคำพูด จะพูดน้อยมาก แต่จะออกมาจากความรู้สึกทางแววตามากกว่าคำพูด มันคือความรู้สึกที่ทั้งรักแล้วก็ทั้งผลักออก ในสมัยนั้นเรื่องการที่แอบชอบสามีคนอื่นเขา มันเป็นเรื่องที่ลำบากใจมาก ๆ ผู้หญิงคนนี้เลยต้องชั่งใจให้ดีกับหัวใจของตัวเอง

โดยส่วนตัว ความรักของตัวนุ่นเองคือการทำให้คนที่อยู่รอบตัวเรามีความสุข แต่ไม่เฉพาะคนรักนะ เป็นทั้งพ่อแม่พี่น้อง ใครที่อยู่รอบตัวเราก็อยากให้เขามีความสุขมากที่สุดค่ะ”


ว่าที่เจ้าสาว (สินิทธา บุญยศักดิ์) – หญิงสาวผู้มีความมั่นใจในตัวเองเกินยุคสมัย เธอกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ แต่โชคชะตาก็นำพาเธอให้มาพบเจอกับชายหนุ่มที่มีครอบครัวที่ดีอยู่แล้ว ความผูกพันที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นกลายเป็นความรักโดยไม่ทันตั้งตัว

“ในเรื่องนี้เล่นเป็น ว่าที่เจ้าสาว ที่กำลังจะแต่งงานกับเพื่อนของพระเอก ตัวละครนี้จะเป็นผู้หญิงที่มั่นใจมากในยุคสมัยนั้น เป็นผู้หญิงทำงานที่เลี้ยงตัวเองได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งผู้ชาย ค่อนข้างอิสระพอตัวเลยนะคะ บทนี้เล่นยากเพราะมันต้องเล่นจากข้างในหมดเลย มันจะไม่แสดงออกด้วยคำพูด จะพูดน้อยมาก แต่จะออกมาจากความรู้สึกทางแววตามากกว่าคำพูด มันคือความรู้สึกที่ทั้งรักแล้วก็ทั้งผลักออก ในสมัยนั้นเรื่องการที่แอบชอบสามีคนอื่นเขา มันเป็นเรื่องที่ลำบากใจมาก ๆ ผู้หญิงคนนี้เลยต้องชั่งใจให้ดีกับหัวใจของตัวเอง

โดยส่วนตัว ความรักของตัวนุ่นเองคือการทำให้คนที่อยู่รอบตัวเรามีความสุข แต่ไม่เฉพาะคนรักนะ เป็นทั้งพ่อแม่พี่น้อง ใครที่อยู่รอบตัวเราก็อยากให้เขามีความสุขมากที่สุดค่ะ”


อรัญญา (เดือนเต็ม สาลิตุล) - นักเขียนหญิงผู้ยึดมั่นในความรักซ่อนเร้นของตนมาตลอด 30 ปีโดยไม่เคยเอ่ยปากถามถึงบางสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง แต่ ณ ขณะนี้ เธอพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปหาคำตอบแห่งรักครั้งนั้นจากชายที่เธอรัก

“เรื่องนี้รับบทเป็น อรัญญา เป็นนักเขียนหญิงที่ได้เกิดความรักแบบซ่อนเร้นขึ้นกับชายที่มีภรรยาอยู่แล้ว แล้วเกิดความพลิกผันคลาดเคลื่อนทำให้เกิดความเข้าใจผิด แต่แล้ววันหนึ่งเราก็อยากที่จะกลับมาหาคนที่เรารักอีกครั้งหนึ่งเพื่อจะให้โอกาสครั้งที่สองกับตัวเอง อยากให้คนดูดูว่าทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ คนเรามันก็ต้องวิ่งไปหาโอกาสเพราะไม่มีโอกาสไหนวิ่งมาหาเรา

ท้าทายมากกับบทเรื่องนี้ เพราะในชีวิตนี้ไม่เคยเล่นบทแบบนี้เลย ไม่เคยที่จะต้องเล่นบทที่ต้องเลิฟซีนแล้วก็บทที่ต้องเก็บความรู้สึกแล้วก็ต้องถ่ายทอดออกมา โดยเฉพาะผู้กำกับที่ทำงานในระบบนานาชาติ เป็นบทที่เราอยากเล่นมานานแล้ว บอกตรง ๆ ว่าตัวเองไม่ได้เล่นหนังมานานมากแล้ว พอได้มาเล่นก็มีความรู้สึกว่า มันเป็นบทที่เล่นสมวัยแล้วก็มีอะไรที่น่าเล่นมาก ทีมงานทุกคนทำงานด้วยความตั้งใจมาก แล้วเราก็ได้เล่นในแบบที่เราอยากเล่น

ความรักมันก็เป็นสิ่งที่สวยงามนะแต่ว่าจะเป็นความรักแบบไหนก็ได้ อย่างตัวเราเป็นคนโสดก็ไม่ได้คิดที่จะมีความรัก เราคิดว่ายามแก่เฒ่าขอแค่ว่าแค่มีเพื่อนคนหนึ่งก็ได้ที่อยู่ด้วยกันรักกันโดยไม่ต้องเหมือนฝรั่งทั่วไปและอยากจะให้มีหนังรัก ๆ ถ่ายทอดกันออกมา ไม่ใช่เป็นหนังที่ชิงรักหักสวาท ให้มันมีหนังที่เป็นความจริงว่าคนเราต้องมีอีกหลายแง่มุมไม่ได้มีอยู่แค่มุมเดียวเท่านั้น”

 

พล (นภัสกร มิตรเอม) - ช่างภาพหนุ่มผู้ผิดหวังในความรักจึงตัดสินใจออกเดินทางเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงของหัวใจ แต่เขาก็ได้สัญญากับคู่รักว่า วันหนึ่งจะกลับมาเจอกัน แต่โอกาสครั้งที่สองของพวกเขาจะมีอยู่จริงหรือ

“ในเรื่องนี้ ผมรับบทเป็น พล ผู้ที่มีความสัมพันธ์กับปกรณ์ซึ่งรับบทโดยชาคริต ซึ่งเมื่อความสัมพันธ์มาถึงจุดหนึ่ง ทั้งคู่ก็เกิดความขัดแย้งกันขึ้น ทำให้เรื่องราวดำเนินต่อไป ความน่าสนใจจริง ๆ แล้วอยู่ที่การค้นหามากกว่า ค้นหาว่าตัวละครตัวนี้รู้สึกอย่างไร และตัวละครตัวนี้พาเราไปรู้จักกับอะไรบ้างทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวละครที่น่าสนใจ ที่จะนำพาผู้ชมให้ได้ร่วมประสบการณ์ไปกับความรู้สึกและความรักของเขาไปด้วย

โดยส่วนตัวผมคาดหวังเรื่องของความรักของคนจริง ๆ เราอย่าไปมองที่เปลือกนอกหรือเรื่องของเพศ เราหวังให้คนเข้าใจหนังเรื่องนี้ในจุดนั้น นี่คือความคาดหวังสูงสุดของผมครับ”


็็ว่าที่เจ้าบ่าว (HIRO SANO) – นายทหารญี่ปุ่นที่กำลังจะแต่งงานกับว่าที่เจ้าสาวของตน แต่แล้วเขาก็ต้องกลับไปญี่ปุ่นเพื่อปฏิบัติภารกิจเร่งด่วน ช่องว่างครั้งนี้ทำให้ความรักของเขาและคู่หมั้นสาวพลิกผันไปตลอดกาล

“ผู้กำกับเขายังอายุยังน้อย แต่รู้สึกมีเซ้นต์แล้วก็มีประสบการณ์เยอะ เล่นง่ายทุกอย่าง เขาจะอธิบายเราเป็นอย่างดี ทำให้การทำงานง่ายดีครับ ฉากวันแรกที่แสดงแค่เดินเข้ามาหาแฟนผมที่สถานีรถไฟ แค่เดินอย่างเดียวครับยากมาก เดินไม่เหมือน เหมือนเสแสร้ง ผู้กำกับพูดแบบนี้ ให้ผมเปลี่ยนเป็นอารมณ์เศร้า ๆ นั่นแหละยากที่สุดครับ

หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักคำสัญญาของเพื่อนทุกคนนะครับ ช่วยติดตามช่วยดู จะได้รู้ว่าหนังเรื่องนี้จะบอกอะไร แต่ผมว่าคนดูจะประทับใจจากข้างในแน่นอนครับ”

 

ภรรยา (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) - หญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยความเป็นกุลสตรีไทย รักครอบครัว ผู้ต้องเข้ามาพัวพันอยู่ใน “วังวนแห่งรัก” ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ และต้องเก็บงำความลับที่เธอล่วงรู้ไว้กับตัวเอง

“เรื่องนี้จะเป็นตัวละครที่ไม่มีชื่อในบทเล่นเป็น ภรรยาของพี่น้อย เป็นนางฟ้าตกลงมาจากสวรรค์เป็นคนดีเหลือเกิน เป็นคนไม่ค่อยพูด เป็นคนที่รักสามีมาก เป็นคนที่ดีมากและกดความรู้สึกตัวเองเอาไว้ กลัวคนอื่นเขาจะต้องเสียใจ เพราะคำพูดของเราเลยต้องเก็บเอาไว้ไม่กล้าบอกใคร

ปกติเป็นคนที่รับบทร้ายมาโดยตลอด และหนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตก็จะตื่นเต้นมาก ฉากแรกเป็นฉากที่นอนเฉย ๆ โชคดีมาก แต่เล่นไปก็รู้สึกสนุก รู้สึกว่าเป็นหนังที่มีเสน่ห์ ความท้าทายส่วนหนึ่งมันจะอยู่ที่การแสดงออกทางสีหน้าและแววตา เพราะว่าคาแร็คเตอร์ในบทของผู้หญิงที่เป็นภรรยา ไม่อยากให้สามีต้องเสียใจ ต้องเก็บเอาไว้ในใจ บางทีอยากจะบอก แต่พูดไม่ได้ ต้องใช้แววตาแสดงออกเป็นหลัก

นิยามความรักของกิ๊กประกอบด้วยความเมตตา ไม่ได้รักใครสักคนหนึ่งแล้วคนนั้นต้องมาเป็นของเรา รักทุกคนได้เหมือนกันหมด เพราะทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บตายได้เหมือนกัน รักเพราะความเมตตาจะทำให้เรามีความสุข เราจะไม่โกรธเขา ไม่แค้นและไม่พยาบาทเขาค่ะ”

 

 

 

อ่านบทสัมภาษณ์ผู้กำกับ โอ ได้ที่นี่

   
 

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.