เรื่องย่อ
เด็กมัธยมกลุ่มหนึ่งที่รักหนังสยองขวัญเป็นชีวิตจิตใจ โดยที่มี โม(ธวัช พรรัตนประเสริฐ) ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ และเป็นผู้นำของเพื่อน ๆ ไปด้วยในเวลาเดียวกัน
แต่ด้วยความไม่เอาไหนของโมและเพื่อน ๆ จึงทำให้หนังที่พวกเขาสร้างไม่เคยเสร็จเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักเรื่องเดียว กระทั่งวันหนึ่งเมื่อโมได้พบกับสาวลึกลับที่ดูน่าประหลาดซึ่งเพิ่งย้ายจากโรงเรียนเดิมเข้ามาใหม่ ๆ หมาด ๆ อย่าง ปราง(สิรินรัตน์วิทยพูม) โมจึงบอกกับเพื่อน ๆ ถึงความต้องการให้ปรางมาทำหน้าที่เป็นนางเอกในหนังผีเรื่องใหม่ของเขา
และแล้วเรื่องวุ่น ๆ ของกลุ่มคนทำหนังกาก ๆ และหญิงสาวท่าทางประหลาด ๆ ก็เริ่มขึ้น พร้อม ๆ กับความมิตรภาพและความรักแบบวัยเกรียนที่ค่อยๆงอกงามขึ้นอย่างชนิดที่พวกเขาไม่ทันได้รู้เนื้อรู้ตัว
เกี่ยวกับผู้กำกับการแสดง กัปปน์ วรรณกูล (อ๊อฟ)
อายุ 24 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ในขณะที่ศึกษาอยู่ก็หาประสบการณ์พลาง ๆ ด้วยการผลิตผลงานออกมาเป็นภาพยนตร์สั้นเรื่อง เด็กหนัง (Shape) ซึ่งสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ Kodak Competitionและ รางวัลช้างเผือก ใน เทศกาลภาพยนตร์สั้น ครั้งที่ 16 และ ภาพยนตร์สั้นเรื่อง มิตรภาพ ในโครงการหนังสั้นคำพ่อสอน ซึ่งคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ของ รางวัลถ้วยพระราชทานของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
ภายหลังจบการศึกษาแล้ว กัปปน์ ก็เริ่มต้นทำงานตามความฝันด้วยการเป็น ผู้ช่วยผู้กำกับฯ 2 ของภาพยนตร์เรื่อง น้ำตาลแดง 2 ,โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ RSVP ทาง ทรูวิชั่นส์ และ สารคดี Potato on The Way
เกี่ยวกับผู้อำนวยการสร้าง อาเด็น วังทอง
เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2531 เป็นบุตรชายคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 3 คนของ นายศักดิ์ชาย และ นางสมจินตนา วังทอง (นามสกุลเดิม เจริญมิน)
เริ่มต้นเข้าเรียนในระดับอนุบาลที่ โรงเรียนอนุบาลสมศกุลนา จากนั้นจึงเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมปลายที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า โดยในระหว่างที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายก็ได้ก่อตั้ง ชมรมภาพยนตร์สั้นของโรงเรียน ขึ้น และด้วยความสนใจในสาขาภาพยนตร์นี่เอง ในเวลาต่อมาจึงเข้าศึกษาต่อในสาขาวิชาภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ ณ มหาวิทยาลัยรังสิต และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในปีการศึกษา 2553
ขณะศึกษาอยู่ในปีสุดท้ายได้เขียนผลงานวิทยานิพนธ์เรื่อง Three times ขึ้นมา อีกทั้งยังเคยร่วมงานกับ คุณธนิต จิตต์นุกูล (ปื๊ด) ผู้กำกับ ฯ ชื่อดัง ในตำแหน่งผู้กำกับภาพ ลำดับที่ 3 ในภาพยนตร์เรื่อง แก๊งตบผีรวมทั้งยังสั่งสมประสบการณ์ด้านภาพยนตร์อีกมากมายในระหว่างที่ยังศึกษาอยู่ อาทิ งานด้านภาพ 3 มิติ,ภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3 และอื่น ๆ รวมถึงการเป็นนักแสดงสบทบในภาพยนตร์เรื่อง ขุนพัน
และจากประสบการณ์ที่สั่งสม และความสนใจในอุตสาหกรรมภาพยนตร์นี่เอง จึงทำให้ อาเด็น ตัดสินใจเปิดบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจในวงการบันเทิงของตนเองขึ้นในชื่อว่า Dreaming of another youโดยมีผลงานเรื่องแรกคือ แก๊งปรี๊ดจะ readใจเธอที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ตรงของตนเอง และกลุ่มเพื่อนสนิทที่มีความฝันในแบบเดียวกัน
จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์
เริ่มต้นหลังจากการที่พวกเราเรียนจบกันมาได้สักพัก ก็รู้สึกคิดถึงการทำหนัง และอยากจะกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง คือผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีคือ การที่ไม่มีอะไรจะเสียเป็นช่วงเวลาที่มีไฟในการทำงานและความคิดมันเยอะที่สุดแล้ว ผมก็เลยลองเล่าพล็อตเรื่องให้เพื่อนที่เป็นนายทุนฟัง ก็ดู ๆ เหมือนเพื่อนจะชอบ แต่ไม่รู้ว่าชอบจริงหรือชอบเล่น ๆ (อารมณ์ประมาณว่าถ้าบทเขียนเสร็จเมื่อไหร่พวกเราก็จะเปิดออฟฟิศแล้วทำกันเลยนะ)จากนั้นผมก็เลยเริ่มเขียนบทแบบเอาจริงเอาจัง ตอนนั้นงานที่รับถ่ายรับตัดต่ออยู่ก็หยุดเอาไว้ก่อน แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาเขียนบทแบบทุ่มสุดตัว ใช้เวลาประมาณ 8 เดือนบทร่างสุดท้ายก็เสร็จ แล้วจึงค่อยเอาบทไปให้เพื่อน ๆ และคนที่เกี่ยวข้องทุกคนอ่าน ส่วนมากก็จะบอกว่าน่าสนใจดี ต่อจากนั้นเราก็เริ่มลงมือหาทีมงานมาทำงานร่วมกัน
ที่มาของไอเดียหนัง: เคยได้ยินคนพูดประมาณว่า การที่เราจะทำหนังให้ได้ดีสักเรื่อง เราก็ต้องรู้เรื่องนั้นจริง ๆ เสียก่อน เราถึงจะทำออกมาได้ดี ผมก็เลยหยิบเอาเรื่องของการทำหนังเรื่องที่ตัวเองร่ำเรียนมาเอามาทำซะเลย แต่เราเพียงแค่ย้อนให้ตัวละครในหนังกลับไปเป็นเด็กมัธยมเท่านั้นเอง นั่นเป็นเพราะการที่ผมรู้สึกว่า วัยมัธยมเป็นวัยที่สามารถลองผิดลองถูกได้จริง ๆ ไม่ใช่แค่ลองในเรื่องของหนัง แต่ผมว่ายังรวมถึงเรื่องของการเรียนและความรักด้วย วัยนี้อะไร ๆ ก็ดูน่าตื่นเต้นไปหมด เพราะผมคิดว่าเดี๋ยวนี้การทำหนังสั้นสำหรับเด็กวัยรุ่นกลายเป็นเรื่องที่แพร่หลายไปเสียแล้ว ตอนที่ผมยังเรียนมัธยมอยู่ คนที่จะทำหนังสั้นแทบนับจะคนได้เลย แต่ปัจจุบันจะเห็นว่ามีคลิปให้ดูตามยูทูปเกี่ยวกับหนังสั้นของนักเรียนเต็มไปหมด เด็กสมัยนี้เรียนรู้ได้เร็วมาก
เตรียมงานสร้าง : การเตรียมงานสร้างเริ่มตั้งแต่เมื่อบทภาพยนตร์เสร็จเรียบร้อยเป็นรูปเป็นร่าง จากนั้นเราจึงเริ่มทำ Pre-Production ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2555 และเริ่มต้นถ่ายทำอย่างจริง ๆ จัง ๆ ในช่วงประมาณเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน
ประเด็นของหนัง และแง่คิดในการนำเสนอ : ด้วยความที่เป็นหนังวัยรุ่น ผมจึงอยากนำเสนอความเป็นวัยรุ่นผ่านการทำหนัง เพราะการทำหนังผมว่ามันเป็นอะไรที่สนุกมาก ๆ และบางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นแค่หนังเรื่องหนึ่งอย่างเดียว แต่มันอาจจะเป็นได้ทั้งเพื่อน มิตรภาพ หรือแม้กระทั่งความรัก ในแง่หนึ่งของความเป็นวัยรุ่นส่วนใหญ่คงไม่ค่อยจะมีพ่อแม่หรือครูบาอาจารย์มาคอยชี้แนะแนวทางให้เราหรอกว่า อะไรถูก อะไรผิด ส่วนตัวแล้วผมว่า วัยรุ่นทุกคนสามารถคิดเองได้ และตกตะกอนได้เองจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตต่างหาก ทุกอย่างไม่มีคำว่า ไร้สาระ เพราะสาระทุกอย่างมันมีอยู่ในตัวของมันเอง
|