สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
สัมภาษณ์ เป็นเอก รัตนเรือง กับ ฝนตกขึ้นฟ้า
  แบ่งปัน   Share this on Twitter Print 
  LINK เมนูรวมฝนตกขึ้นฟ้า                      in English
 

 

 

สัมภาษณ์โดยอัญชลี ชัยวรพร / 11 พฤศจิกายน 2553

คุณต้อมเคยทำฟิลม์นัวร์มาก่อนอย่าง เรื่องตลก 69 และ Invisible Waves
ใช่

ทำไมถึงกลับไปทำหนังฟิลม์นัวร์อีกหลังจากหยุดมานาน
ไม่หรอก เผอิญเขียนทรีตเมนท์เรื่องนี้มานานมากแล้ว  เข้าใจว่าก่อน นางไม้ อีก หรือก่อนอะไร จำไม่ได้แล้ว  นานมาก  พอดีพี่ตั้ม (พวัสษ์ สวัสดิ์ชัยเมธ – โปรดิวเซอร์) ขอไปส่งทุนไทยเข้มแข็ง …..ผมเรียก รายการชิงโชคน่ะ  เขามาถามเราว่ามีโปรเจ็คอะไรไหม  ผมก็ให้อันนี้ไป  ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ  วันที่เขาประกาศผล  พอดีมีน้องที่มติชนมาเจอเราตอนอบรม Thailand Script Project เราเพิ่งบอกเขาไปว่าจะไม่ทำหนัง 4-5 ปี  อยากมีชีวิตแบบปรกติ  อยากสร้างบ้าน  อยากทำอะไรบ้าง  คุยกับน้องเขายังไม่ทันพ้นสายตาเลย  พี่ตั้มโทรมาบอกว่าได้ทุนแล้ว  แล้วมันก็กำหนดเราต้องทำตรงนี้

ตอนทำ เรื่องตลก 69 และ Invisible Waves มันก็เป็นฟิลม์นัวร์คนละแบบ  แล้วเรื่องนี้วางแนวฟิลม์นัวร์แบบไหน  
เรื่องนี้จะเหมือน  เรื่องตลก 69 มากกว่า  มันเป็นพล็อต ๆ เลย  คือตัวหนังสือเดิมมีพล็อตเยอะมาก  เรากำจัดไปเยอะมาก  ให้มันเหมาะเป็นหนังในเวลาชั่วโมงครึ่งได้  มันจะเป็นหนัง ๆ  พูดจากันคม ๆ  ไม่ค่อยจริง  มีแสดง ๆ แต่พอคิดแบบนี้ก็สนุกดีนะ  พอเราตีกรอบให้ตัวเองแล้วว่าตอนจบจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร  เราก็เล่นอยู่ในวงกลมวงนี้    มันก็สนุกดี  มันโฟกัสดี  ตอนเราทำ Invisible Waves หรืออย่าง Last Life In the Universe หรือ นางไม้  เราไม่ตีกรอบเอง  แล้วเราก็จะไหลไปกับหนังไปเรื่อย ๆ


 

หมายความว่าไปเอาข้างหน้า  ไป improvise กันข้างหน้า
ไม่ครับ  มันไม่มีการ improvise อยู่แล้วหนังเรา  มันอยู่ตรงที่ว่าวันนั้นลมพัดไปทางไหน  เราก็จะไปทางนั้น  คือตัวบทในหนังพวกนั้นของเรา  บทมันบางมาก  บทมันน้อยมากจนเปิดให้เรามีอิสรภาพในการที่จะไป “หลงทาง” บางเรื่องพอหลง  มันก็หาทางกลับเจอ  แต่บางเรื่องพอหลงไปแล้ว  ก็หาทางกลับไม่เจอ  มันก็เลยเป็นผลลัพท์อย่างที่เราเห็นในหนังแต่ละเรื่อง 

คือแบบเรื่องนี้  ห้ามหลงนะ  บอกว่าจะไปเชียงใหม่  ก็ต้องไปเชียงใหม่  ไปด้วยมอเตอร์ไซค์ ก็ต้องไปมอเตอร์ไซค์  ตรงไป  ตอนนี้เราก็แค่เลือกยี่ห้อมอเตอร์ไซค์  เลือกว่าจะไปเส้นทางไหน  จะเปลี่ยนไปขึ้นสามล้อไม่ได้  บางครั้งมันก็มีความสนุก  มันโฟกัสดี 

แล้วหนังเท่าที่ผ่านมา 6-7 เรื่อง  ระหว่างเรื่องที่มีกรอบกับเรื่องที่ไม่มีกรอบ  ชอบแบบไหนมากกว่ากัน
อืม  ถ้าบอกว่าถนัดนะ  เราถนัดเรื่องที่มีเรื่องราวชัดเจน  เราแทบจะรู้เลยว่าจะถ่ายอย่างไร  จะตัดอย่างไรบ้าง  ไอ้หนังอาร์ต ๆ ที่เราถ่าย 3-4 เรื่อง  มันเกิดขึ้นเพราะเราอยากทดลอง  แต่หนังแบบนี้  แบบมีเรื่อง  เป็นงานที่เราถนัดมาก  คือเราคิดว่าเราเป็นคนเล่าเรื่องสนุก  เล่าเรื่องดี  มันก็เป็นวิธีการที่เราถนัด  แต่ปัญหาคือเท่าที่ผ่านมา  ถนัดแล้วก็ไม่อยากทำ  ไปทำอย่างอื่น 

“ทดลอง” หนังทดลองของต้อม เป็นเอก
อืม อืม ใช่  ความซวยก็คือมีคนมาดู แค่นั้นเอง  และถ้าเรื่องไหนทดลองดี  คนดูก็โชคดีไป  คนดูสนุก โชคดีไป  เราว่า “พลอย” ดูสนุก  Last Life ดูสนุก  นางไม้ก็ประมาณหนึ่ง  แต่อย่าง Invisible Waves มันมากเกินไป  มันทดลองก็เกินไป  ควบคุมไม่ได้  คนดูก็ซวยไป 

เมื่อหลายปีก่อนที่จะทำหนังทดลองของคุณต้อม  เราเคยบอกว่าชอบ เรื่องตลก 69 มากที่สุด  คุณต้อมก็บอกว่าเหมือนกัน แล้วตอนนี้ล่ะ
(คิดนานมาก)  เราชอบเรื่อง “พลอย” (เสียงอ่อน ๆ เหมือนกระซิบ)

ทำไมล่ะ
ไม่รู้สิ  เราคิดว่าเราทำจบแล้ว  มันไม่แย่มาก   เป็นหนังที่เราสามารถบอกคนได้ว่าเราทำเรื่องนี้  เรื่อง “พลอย” ….เราชอบ  มันผสมกันได้ดีระหว่างหนังเล่าเรื่องกับหนัง open end (ตอนจบเปิด)  แล้วมันก็มีบรรยากาศ  มีการถ่ายภาพ  มีความเงอะงะของตัวแสดง  เรารู้สึกว่าโอเคที่สุด  ตอนทำเรื่องนั้นเสร็จ  เห็นผลลัพท์เสร็จ  ก็คิดเอ้อแฮะ  ถ้าเราเดินทาง  หลงทางไปมาสิบปี  ได้ทำเรื่องนี้มันก็ไม่แย่นัก 

แล้วตัวแสดงล่ะ  คือเราสังเกตอย่างหนึ่ง  ถ้าคุณต้อมทำงานกับนักแสดงบางคน  ก็จะทำกับเขาอยู่ 2-3 เรื่องติดกัน  อย่างอาซาโน่ ทาดาโนบุ แล้วล่าสุดก็คือปีเตอร์ นพชัย  ทำไมล่ะ



อย่างกรณีปีเตอร์  ตอนเราทำ “นางไม้” เราประทับใจเขามาก เขาเป็นนักแสดงที่ …….คือ คือ ความตั้งใจเขามหาศาลอยู่แล้ว  เขาเป็นคนคิดเยอะด้วย  และเขาเป็นคนเดียวที่คล้าย ๆ เรา  ชอบฟังเพลงคล้าย ๆ เรา  อ่านหนังสือคล้าย ๆ เรา  แล้วเขา mature มาก ๆ ในการทำงาน  ในการเป็นมนุษย์คนหนึ่ง 

เขาเป็นนักแสดงประเภท ….ในเมืองไทยไม่ค่อยมีแบบนี้  เขาเข้าฉากกับใครในซีนนั้น  เขาจะเล่นรองให้  ….คือนักแสดงส่วนใหญ่เวลาแสดง  จะฆ่าอีกคนตลอดเวลา  ถ้าเล่นเก่ง  อีกคนตายไปเลย  ปีเตอร์นี้เราคิดว่าเขา generous มาก (ใจกว้าง)  ประเภทที่เขาฟังคนอื่นจริง ๆ  เขาเห็นบรรยากาศในการแสดงจริง  ลองสังเกตสิ  ปีเตอร์เข้าซีนไหนกับใคร อีกคนจะเด่นกว่า  แล้วเขาจะเงียบ ๆ ไป  ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พิเศษมาก

อย่างคริสนั่น เราไม่ได้ดูหนังเขาหรอกนะ  แต่เรารู้จักเขาเป็นการส่วนตัว  ก็รู้ว่าเขาเป็นคนมีแคแรกเตอร์ประมาณไหน  แล้วมันเป็นหนังแบบนี้  เป็นหนังสนุก ๆ มันก็สนุกนะที่เอาดารามาเล่น  มีคริส  มีโจอี้ บอย  มีโจ๊ก ดนัย  ซึ่งเราว่าได้มาทำแบบนี้  มันตื่นเต้นดี  สนุกดี  แล้วการที่คริสไปดังจากเรื่องนั้น  มันก็ช่วย 

เพิ่งคุยกับคุณตั้ม (โปรดิวเซอร์) มา  หนังน่าจะได้ตังค์นะ  ดาราร้อยล้านทั้งนั้นเลย  ไม่ว่าจะเป็นคริส โจอี้ บอย (หลวงพี่เท่ง)  ปีเตอร์ (นเรศวร)
ใช่  ยังไม่นับผู้กำกับอีก คราวนี้มาดู  ดวงใครจะแข็งกว่ากัน  พวกร้อยล้านมารวมตัวกัน  มาเจอเรากันหน่อย (หัวเราะ) 

สรุปแล้ว เรื่องนี้จะดูง่ายกว่า 2-3 เรื่องหลัง 
ใช่ เรื่องนี้เอาสนุก 

 

เคร่งขรึม

กันเองตามสไตล์ "ฝนตกขึ้นฟ้า"

 

โจอี้ บอย กับท่านนายก อินทรีแดง
ช่างภาพชาญกิจ ชำนิวิกัยพงษ์

 

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.