สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
มหาลัยสยองขวัญ
  LINK: แคแรกเตอร์ตัวละคร
   
 

 


กำหนดฉาย 22 ตุลาคม 2552

แนวภาพยนตร์ สยองขวัญ

บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทดำเนินงานสร้าง บาแรมยู

อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ

ควบคุมงานสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์, บัณฑิต ทองดี

ดำเนินงานสร้าง ศิตา วอสเบียน

กำกับภาพยนตร์ บรรจง สินธนมงคล, สุทธิพร ทับทิม

เรื่อง/บทภาพยนตร์ บรรจง สินธนมงคล, สุทธิพร ทับทิม

กำกับภาพ ปราเมศร์ ชาญกระแส

กำกับศิล์ป เต้ย จารุวาทีกุล

ลำดับภาพ คงศักดิ์ งามพรชัย

ออกแบบเครื่องแต่งกาย ปัญชลี ปิ่นทอง

ฟิล์มแล็บ บริษัท สยามพัฒนาฟิล์ม

บันทึกเสียง ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา

ดนตรีประกอบ คณิศร พ่วงจีน

นำแสดงโดย ปานวาด เหมมณี แอนนา รีส อาชิรญาณ์ ภีระภัทรกุญช์ชญา ภัณฑิลา ฟูกลิ่น อธิศ อมรเวช


 

เรื่องย่อ

หมวย นักศึกษาสาว ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมในการฝึกงานโดยตัดสินใจเลือกที่จะเข้ามากรุงเทพและทำงานกับมูลนิธิกู้ภัย กลับต้องเจอเรื่องผวาสั่นประสาทตั้งแต่คืนแรกในการปฏิบัติงาน เมื่อเธอได้รับแจ้งเหตุให้ไปในมหาลัยฯแห่งหนึ่ง เมื่อหนุ่มสาวสุดซ่าอยากลองดีกับศาลในตำนานที่ไม่มีใครกล้าหือ จนเกิดเรื่องราวไม่คาดฝัน เพราะนั่นคือ ศาลในห้องน้ำหญิง ที่ได้รับการดูแลอย่างดีแต่ไม่มีใครย่างกรายเข้าใกล้ เพราะในห้องน้ำมีศาลตั้งอยู่ บางคนว่าเป็นศาลนางไม้ บางคนว่าเป็นศาลของนักศึกษาหญิงที่ผูกคอตาย....

ในคืนนั้นเองหมวยยังมีโอกาสช่วย นกน้อย นักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่ถูกรุ่นพี่เหม็นขี้หน้า ข้อหาไม่ยอมทำตามคำสั่ง เลยถูกกลั่นแกล้งให้ไปติดอยู่ในลิฟท์สุดเฮี้ยนเพียงลำพัง ลิฟท์ที่มีนักศึกษาถูกยิงกราดก็ไม่สามารถล้างคราบเลือดสีแดงออกได้ จึงต้องทาสีทั้ง ลิฟท์เป็นสีแดง ทั้งหมด มักมีคนได้ยินเสียงเคาะจากในลิฟท์ แต่เมื่อลิฟท์เปิดกลับไม่พบใครอยู่ บางครั้งเมื่อเข้าลิฟท์คนเดียวไม่นานก็พบว่ามีคนมากมายมายืนเป็นเพื่อนด้วย….

เพียงวันถัดไปเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้นอีกเมื่อ ทีมกู้ภัยของหมวยจำเป็นต้องส่งศพหญิงสาวนิรนามที่ถูกฆ่าตายแล้วถูกโยนศพลงน้ำ ไปที่ร.พที่ใกล้ที่สุด นักศึกษาแพทย์ที่ฝันอยากจะเป็นทันตแพทย์มือหนึ่งที่กลัวผีจนขึ้นสมองถูกอาจารย์มอบหมายให้มาเฝ้าห้องดับจิต และคืนนั้นเขาจะต้องเฝ้าศพหญิงสาวนิรนามที่ถูกฆ่าตายอย่างทารุณเพียงคนเดียว....

เรื่องราวสุดผวายังคงวนเวียนอยู่กับหมวย แต่คราวนี้มันกลับพุ่งเป้ามาที่คนใกล้ตัวของเธอ นั่นคือสา ซึ่งอยู่ในหอพักที่มีเรื่องเล่าสุดสยองของผีสาวรักเพื่อน ซึ่งทำให้หมวยได้พบกับความจริงที่เกิดขึ้น ความจริง...ที่เธอมิอาจลืม

 

 

ที่มาของตำนาน

ว่ากันว่าเรื่องราวสยองขวัญหรือเรื่องเล่าสุดเฮี้ยน ที่กลายเป็นตำนานที่ทุกคนเคยได้ยินได้ฟังกันรุ่นต่อรุ่น มักเกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ แม้แต่สถานที่ที่เต็มไปด้วยสีสันและผู้คน...ที่ถูกเรียกว่า “มหาวิทยาลัย” ใครจะรู้ว่าหลังพระอาทิตย์ตกดิน หากคุณลองมองให้ดี ในมุมต่างๆ ของสถาบันเหล่านี้ อาจมีสิ่งสุดสยองซ่อนอยู่ในเงามืดที่คุณไม่เคยรู้ ทั้งความหลอน...ความผวา...ความน่าสะพรึงกลัว พร้อมร่องรอยความสยองที่ไม่เคยลบเลือน กลายเป็นตำนานที่รุ่นพี่รุ่นน้องต่างพากันเล่าขาน และจุดนี้เองจึงเป็นที่มาของภาพยนตร์สยองขวัญที่หยิบเอาตำนานที่ว่ากันว่าฮ็อตและเฮี้ยนที่สุดมาหลอมรวมเป็น “มหา’ลัยสยองขวัญ” ซึ่งถือเป็นการรวมเอาตำนานเฮี้ยนในรั้วมหาลัยที่มีอยู่จริงมาถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มครั้งแรก


 

ซึ่งผู้ที่จะมารับหน้าที่หลอมรวมเอาตำนานสยองมาถ่ายทอดให้คุณผวาในครั้งนี้ ก็ได้สองผู้กำกับที่คลุกคลีอยู่ในวงการภาพยนตร์มานานอย่าง “บรรจง สินธนมงคลกุล” ที่เคยผ่านงานเบื้องหลังมาอย่างโชกโชน และเพิ่งมีงานกำกับเต็มตัวเรื่องแรกคือ “ว้อ...หมาบ้ามหาสนุก” ซึ่งงานนี้เขาแท๊คทีมกับเพื่อนสนิทที่ร่วมหัวจมท้ายกันมานานอย่าง “สุทธิพร ทับทิม” มือตัดต่อแถวหน้าของวงการ โดย จง-บรรจง พูดถึงที่มาของโปรเจ็คต์นี้ว่า

“คือแรกเริ่มเดิมทีผมกับจักรรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ ม.กรุงเทพ ก็มีความคิดร่วมกันว่าอยากจะทำหนังร่วมกัน แล้วสมัยนั้นเราก็มีประเด็นหนึ่งที่เราสนใจ คือมาจากการที่คือ ทุกสถาบันมีเรื่องเล่า ทุกสถาบันมีตำนาน มีทั้งเรื่องตลก เรื่องขำขัน แล้วก็เรื่องผี ซึ่งพวกเราอยากเอาตำนานที่น่ากลัวตำนานที่สยองมาทำเป็นหนัง คือเป็นความตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสได้เป็นผู้กำกับก็อยากเอาเรื่องนี้มาทำเป็นหนัง แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่าง กว่าที่เราจะได้มาทำมันจริงๆ ก็นานเหมือนกัน คือมาประจวบเหมาะตอนที่ได้เจอกับพี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) ซึ่งแกมีไอเดียที่จะเอาเรื่องตำนานผีในมหา’ลัยมาทำเป็นหนังเหมือนกัน พี่ปรัชก็เลยไฟเขียวให้ทำ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของมหา’ลัยสยองขวัญ”

เมื่อได้ไฟเขียวในการลงมือกำกับความสยองในครั้งนี้ ก็ถึงขั้นตอนของการเลือกเอาตำนานที่ขึ้นชื่อเรื่องความเฮี้ยน และเป็นที่กล่าวขานกันมากที่สุด ซึ่ง “จักร-สุทธิพร ทับทิม” พูดถึงการคัดสรรเลือกเอาตำนานสยองที่มีกว่าร้อยเรื่องว่า

“เราก็เลือกดูว่าเรื่องไหนคนรู้จักเยอะที่สุด ทั้งถามพี่ๆ น้องๆ หรือทางอินเตอร์เน็ต แล้วก็พยายามหาจุดกลางว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร คือพยายามหาจุดที่ตรงกันมากที่สุด คือถ้าพูดถึงอันนี้นะ คนจะนึกถึงเรื่องนี้ทันที ก็จะพยายามจับจุดที่โดดเด่นตรงนั้นมา คิดจากแกนก่อนเลยว่า เราพยายามจะทำหนังสยองขวัญที่มาจากความน่ากลัว ยิ่งประกอบกับการเอาเรื่องราวของมหา’ลัยดังๆ มาทำซึ่งคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว ตรงนั้นถือเป็นความกดดันกับสิ่งที่คนรู้อยู่แล้วแล้วต้องพยายามให้เขาตื่นเต้นให้ได้ กับอีกสิ่งที่เรากดดันคือการรวมเอาหลายๆ เรื่องมารวมกันแล้วให้มีรสชาติน่าสนใจ แล้วก็ไม่อยากทำให้ตรงตามต้นฉบับเป๊ะ เพราะคนดูคงไม่อยากดูสิ่งที่รู้อยู่แล้ว ก็เลยเอาโครงเรื่องที่เด่นๆ ยืนไว้ แล้วเราก็ใส่เรื่องราวเข้าไปใหม่ ทำเป็นหนังในแบบของเรา โดยที่ไม่ละทิ้งจุดที่เป็นเสน่ห์ ซึ่งเราก็เสริมจุดที่น่าสนใจลงไปด้วย”

ซึ่งตำนานที่ถูกหลอมรวมอยู่ในเรื่องนี้ ได้มีการรีเสิร์ชจากอินเตอร์เน็ตและจากประสบการณ์ของเหล่านิสิตนักศึกษาทั้งศิษย์เก่าและปัจจุบัน จนกลายมาเป็นสี่ตำนานที่ถูกหลอมรวมอยู่ภายใต้เรื่องราวและการดำเนินเรื่องใหม่ที่เพิ่มดีกรีความสยองที่รับรองว่าแตกต่างจากเรื่องเล่าที่คุณได้ยินมาเพียง 5 นาที อย่างแน่นอน

“คือในมหา’ลัยสยองขวัญก็จะมีเรื่องราวตำนานต่างๆ รวมอยู่ในนั้น ทั้งเรื่องของศาลในห้องน้ำหญิง ซึ่งตอนไปรีเสิร์ชสถานที่จริงก็เจอศาลอยู่ในนั้นจริงๆ อย่างเรื่องของศพหายก็เป็นเรื่องราวที่เด็กเรียนแพทย์ต้องเจออยู่แล้ว อย่างเรื่องลิฟท์แดงก็เป็นเรื่องที่มีประวัติศาสตร์ แล้วก็ทำยากที่สุด ค่อนข้างอ่อนไหวหน่อยเรื่องนี้ หรือตำนานป๊อก...ป๊อก...ครืด ซึ่งทุกคนมีจินตนาการในหัวอยู่แล้ว อยู่ที่ว่านึกเอาไว้ยังไง แล้วเราก็ใส่เรื่องราวและสถานการณ์รวมไปถึงตัวละคร คือเราจะเอาตำนานทั้งหมดมาเล่าเรื่องในแบบของเรา

เป็นเรื่องราวของ หมวย ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งรับบทโดยคุณเป้ย คุณเป้ยคือนักศึกษาฝึกงาน ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ก็เข้ามาฝึกงานทีมูลนิธิกู้ภัย ก็จะต้องตระเวนตามท้องถนนยามค่ำคืน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุและช่วยเหตุการ์ณต่างๆ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในสถาบันต่างๆ ก็เลยทำให้เจอเรื่องราวสยองขวัญมากมายเหมือนเป็นตัวนำพาคนดูเข้าไปพบกับความน่ากลัวทั้งหมด ซึ่งเนื้อในของเรื่องราวความน่ากลัวจะแฝงเอาตำนานที่เราเลือกมาอยู่ในนั้น”

การนำเอาเรื่องเล่าและจินตนาการมาสร้างเป็นภาพในหนัง ถือเป็นโจทย์ที่สองผู้กำกับต้องมีการทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อให้ทุกองค์ประกอบถูกต้องตามสถานที่ที่เกิดเรื่องราวตามตำนานต่างๆ ซึ่ง บรรจง พูดถึงการแก้โจทย์นี้ว่า

คือนอกจากจะทำให้ภาพในจินตนาการของทุกคน ภาพที่คาดหวังไว้เป็นจริงแล้วนั้น ก็เริ่มจากการหาโลเคชั่นให้มันใกล้เคียง จะเล่ายังไงให้คนดูเชื่อ เราต้องเน้นเรื่องของการรีเสิร์ช คือเราต้องการทำให้เหมือนภาพที่เราวางไว้ ความรู้สึกที่เราได้อ่านบท คือการเซ็ตสถานที่ เซ็ตบรรยากาศ ให้เหมือนของจริงมันมีความยากอยู่แล้ว คือมันยากตั้งแต่การหาโลเคชั่น เพราะสถานที่จริงเขาไม่ให้ไปถ่าย คือเรื่องราวในตำนานของเราจะไปเกี่ยวกับสถาบันที่เก่าแก่ คือมันมีเอกลักษณ์อยู่ เราก็ต้องไปคิดว่าจะหาอะไร จะใส่อะไรเข้าไป จะเติมอะไรเข้าไป เพื่อให้มันดูเด่นตรงนี้คือความยาก”

งานนี้ 2 ผู้กำกับก็ขอการันตีถึงความผวาที่จะท้าทายต่อมประสาทความกลัวของคุณ และชวนให้มาร่วมกันเปิดตำนานความสยองที่คุณเคยได้ยินได้ฟังกันมาว่า

หลายๆคนเคยรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ ที่พากันถกเถียงว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง วันนี้เราเอาเรื่องเล่าเหล่านี้มาหลอมรวมเป็นภาพยนตร์ อาจจะไม่ตรงกับที่คิด แต่เราหวังว่าอรรถรสที่เพิ่มเติมเข้าไปจะทำให้ทุกท่านพอใจ” (บรรจง)

“อย่าคาดเดาครับ เพราะมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ต้องไปหาคำตอบและเติมเต็มจินตนาการในภาพยนตร์เรื่องนี้กัน” (สุทธิพร)

Director's note

นึกถึงวัยเด็กสมัยที่ยังเรียนหนังสือ ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย มีหลายสิ่งที่จดจำได้และไม่ได้ผสมปะปนกันไป ทั้งความสนุก ความเศร้า เรียนดี สอบตก อกหัก รักคุด เรียกได้ว่ามีทุกอารมณ์ เวลาผ่านไปสิ่งเหล่านี้ถูกฉาบด้วยอะไรบางๆ ทำเอาความทรงจำเราเล่นแง่ จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมนึกถึง ไม่ใช่ภาพแต่เป็นความรู้สึก เป็นจินตนาการที่ตื่นเต้น น่ากลัว แต่ก็น่าหลงไหลเมื่อพูดถึง เช่น ห้องน้ำทุกโรงเรียนต้องมีมุมที่น่ากลัว ต้องมีเรื่องเล่าว่ามีเด็กตาย มีเด็กโดนขังในนั้น มีครูตายที่ห้องนี้ มีรุ่นพี่ผู้หญิงผูกคอตาย มีคนถูกข่มขืนแล้วซ่อนศพไว้ใต้บันได สิ่งเหล่านี้ผูกพันติดอยู่กับเรามาตลอด โดยเล่าได้ไม่รู้จบ เรื่องราวเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จากรุ่นสู่รุ่น ทุกคน เติบโต มีหน้าที่การงาน หลายคนมีครอบครัว มีลูกมีหลาน เวลาผ่านไปนานจนเรามองเห็นว่ามันเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก

หรือเรื่องเล่าของรุ่นพี่ที่พยายามหลอกให้รุ่นน้องกลัว แต่ความจริงแล้วเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่นั่งเก้าอี้ที่เราเคยนั่ง เคยวิ่งเล่นตรงจุดที่เราเคยวิ่ง เคยนั่งคุยเรื่องลี้ลับหลังเลิกเรียนช่วงที่แดดใกล้จะลับตา ทุกวันนี้ก็ยังคงมีอยู่ ผมเรียกเรื่องเล่าเหล่านี้ว่า “ตำนาน” คือมันมีรสชาติความจริงผสมเข้าไป ทำให้หนักแน่นมากกว่าแค่เรื่องเล่าธรรมดา แต่เรื่องที่จะกลายเป็นตำนาน คงไม่ใช่ทุกเรื่องเล่าจะเป็นกันได้ คือมันต้องถึงจริงๆ ถึงในที่นี้หมายถึงเรื่องที่น่ากลัวอย่างเหลือเชื่อ แต่ฟังดูแล้วก็ไม่กล้าฟันธงว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นมา ต้องมีมูลเหตุ มีหลักฐานบางอย่าง และแน่นอนว่ามันต้องผ่านกาลเวลามานานพอสมควร หรือจะเรียกว่าบ่มจนได้ที่ก็คงไม่ผิดนัก

โปรเจ็คต์มหาลัยสยองขวัญที่พี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) ให้ไอเดียมาทำ ทำให้เราได้ย้อนกลับไปเอาความรู้สึกเก่าๆ ความมีเสน่ห์ในตำนานแต่ละเรื่อง หลายต่อหลายเรื่องหลายต่อหลายสถาบันถูกยกขึ้นมา เอาเฉพาะที่เป็นตำนานระดับคลาสสิคก็นับว่ามีอยู่ไม่ถ้วน แต่สุดท้ายก็มาจบที่ 4 เรื่องหลักที่ตกลงใจเอามาทำเป็นภาพยนตร์เรื่อง “มหา’ลัยสยองขวัญ” ตำนานสยองเหล่านี้ไม่ได้อิงแค่เรื่องราว แต่มันยังอิงถึงสถานที่ที่มีอยู่จริง คือนอกจากเรื่องราวที่เราเอาโครงสร้างมาจากตำนานสยองขวัญในวัยเรียนแล้ว อีกจุดหนึ่งที่ถือว่าไม่ให้ความสำคัญไม่ได้ นั่นก็คือสถานที่ที่จะถ่ายทำ ซึ่งแน่นอนด้วยเหตุผลบางประการ เราไม่สามารถเข้าไปถ่ายทำที่จริงได้ เราต้องเซ็ตมันขึ้นมาจากสถานที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกัน ซึ่งโลเกชั่นที่ได้มาแต่ละที่มีอายุไม่ได้น้อยเลย เช่น โรงพยาบาลร้างย่านพระรามหก อายุอานามปาเข้าไปห้าสิบหกสิบปี หลายต่อหลายคนรู้ถึงกิตติศัพท์ความเฮี้ยนกันดี หรือจะเป็น โรงเรียนร้างใกล้ๆ กับถนนสุโขทัยซึ่งความเก่าไม่ได้น้อยหน้ากันเลย แถมบางคืนคนที่พักอาศัยละแวกโรงเรียนแห่งนี้ก็มักจะได้ยินเสียงเด็กเล็กร้องออกมาจากห้องเรียนที่ถูกปิดตายอีกด้วย รวมถึงสถานที่ราชการที่ปัจจุบันถูกปิดตายซึ่งเป็นตึกเก่าแก่ที่เหลืออยู่ไม่มากนักในกรุงเทพฯ และแน่นอนบรรยากาศแต่ละที่มันเอื้อให้ถ่ายหนังผีเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะเวลากลางคืนที่แต่ละแห่งที่เราเข้าไปถ่ายทำล้วนไม่มีไฟฟ้าใช้ทั้งสิ้น ราวตีสองกว่าของคิวถ่ายทำเซ็ทห้องดับจิตที่โรงพยาบาลร้าง ทีมงานร่อยหรอลงจากช่วงกลางวันอย่างเห็นได้ชัด ช่วงที่ทีมงานเซ็ทและวางมุมกล้องสำหรับช็อตต่อไปกำลังดำเนินอยู่ ในหัวที่เริ่มว่าง (จากการรอ) เริ่มคิดว่าบรรยากาศที่นี่ตอนนี้หลอนมาก ยังดีที่รอบๆ มอนิเตอร์ยังรายล้อมไปด้วยทีมงาน ผมโล่งใจ... แต่ไม่นาน ผมก็รู้สึกว่า ปวดฉี่...! ทางเดียวที่สะดวกคือเดินขึ้นไปอีกสามชั้นและจะถึงดาดฟ้าโล่งของโรงพยาบาล เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเก็บอาการและพูดลอยๆ ว่า ใครปวดฉี่บ้าง โชคดีที่จักร (สุทธิพร ทับทิม) ก็ปวดอยู่เหมือนกัน บางทีมันอาจจะกำลังคิดเหมือนผมอยู่

ปกติเราสองคนไม่ได้กลัวในสิ่งที่เรียกว่า “ผี” เพราะ 1) ไม่เคยเจอ 2) เรื่องที่รับรู้มาจากคนอื่นส่วนใหญ่ไม่น่าเชื่อถือ 3) ทฤษฎีของผีบางข้อรับไม่ได้เช่น ผีสัมผัสได้ ผีสามารถเปิดประตู บีบคอ ลากคนได้ หมายความว่า ผีก็สามารถฝ่าระบบป้องกันระดับสุดยอดเข้าไปกดปุ่มระเบิดปรมาณูได้ อะไรประมาณนั้น แต่ช่างมันเถอะ ผมไม่ได้อยากเจอ ไม่ได้อยากท้าทาย ประมาณว่าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่กล้าลบหลู่ สองคนย่อมอุ่นใจกว่าคนเดียว พวกเราเดินขึ้นบันไดที่มืดและเงียบผิดปกติไปยังดาดฟ้า รีบจัดการธุระให้เสร็จให้เร็วเท่าที่จะเร็วได้ แล้วก็เดินลงบันไดไป ยิ่งใกล้ถึงแสงสว่างเมื่อไหร่ ฝีเท้าก็รีบเร่งขึ้นเหมือนอยากให้มันถึงไวไว วนบันไดลงไปอีกสองรอบก็จะถึงชั้นสามที่เป็นเซ็ทถ่ายทำแล้ว แต่แล้ว...ในมุมมืดที่ผมเพิ่งผ่านมา ซึ่งก็ไม่ได้สนใจว่ามันจะมีอะไร เพราะใจกำลังจดจ่ออยู่กับแสงสว่างที่กำลังจะเจอ เบื้องล่าง ร่างใครคนหนึ่งในชุดนักศึกษาก็พุ่งเข้าหาผมพร้อมกับกรีดร้องดังลั่น และบีบที่ไหล่ผมอย่างแรง ผมร้องลั่น จักรร้องตามในขณะที่ผีนักศึกษาตนนั้นก็ยังคงร้องอยู่ ไม่นานเสียงร้องเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นผีกลับกลายเป็นนักแสดงหลักในเรื่องศพหายในห้องดับจิต เจ้าอิคคิวนั่นเอง เขาตั้งใจที่จะแกล้งพวกผม ซึ่งก็ทำสำเร็จซะด้วย ผมตกใจมาก แต่ไม่นานก็เริ่มหัวเราะตามไปด้วย มันเป็นอารมณ์ที่หักมุมมาก

ถึงแม้เนื้อเรื่องและบรรยากาศจะพาให้สยองขวัญอยู่ตลอด แต่สุดท้ายการถ่ายทำก็สำเร็จบรรลุตามเป้าที่วางไว้ ท้ายนี้คงฝากถึงวัยรุ่นและคนที่เป็นอดีตวัยรุ่น “มหา’ลัยสยองขวัญ” อาจจะไม่ได้นำเสนอเรื่องราวที่เหมือนกับเรื่องที่เล่ากันมาอย่างทุกกระเบียดนิ้ว เพราะเราได้เพิ่มสีสัน เนื้อหาและแง่มุมใหม่ๆ เข้าไป ปรับให้เป็นงานของเราอย่างชัดเจนขึ้น ลองเข้าไปสัมผัสรสชาติใหม่ของตำนานสยองเวอร์ชั่น “มหา’ลัยสยองขวัญ” ได้เลยครับ 22 ต.ค. นี้

 

 

LINK: แคแรกเตอร์ตัวละคร

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.