สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   

บุปผาราตรี 3.2

  LINK : แคแรกเตอร์ตัวละคร
   
 

 ;

 

กำหนดฉาย 20 สิงหาคม 2552

แนวภาพยนตร์ สยองขวัญ-สั่นฮา

บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล

บริษัทดำเนินงานสร้าง มหาการพิคเจอร์ส

อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ

ควบคุมงานสร้าง ยุทธเลิศ สิปปภาค, เอมอร เนื่องกัญญา

กำกับ-เขียนบท ยุทธเลิศ สิปปภาค

กำกับภาพ ยุคนธร มิ่งมงคล

ลำดับภาพ ธวัช ศิริพงศ์

ออกแบบงานสร้าง ศรายุทธ์ พุมเพรา

กำกับศิลป์ คชา เรืองทอง

ออกแบบเครื่องแต่งกาย ศิริวรรณ ก้านชูช่อ

บันทึกเสียง ปรีเทพ บุญเดช

ดนตรีประกอบ ออริจิน กัมปะนี

แต่งหน้า บรรจง สุภาษี

แต่งหน้าเอฟเฟ็กต์ ธนาวุฒิ บู่สามสาย

ทีมนักแสดง เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, มาริโอ้ เมาเร่อ, ด.ญ. นัดตะวัน ศักดิ์ศิริ, อดิเรก วัฏลีลา, บุญถิ่น ทวยแก้ว, อาคม ปรีดากุล (ค่อม ชวนชื่น), อุดม ชวนชื่น, ด.ช. สรรภวัต สุระเกรียงศักดิ์, ฉันทนา กิติยพันธ์, สมเล็ก ศักดิกุล, สุธน เวชกามา (อ่าง เถิดเทิง), สายเชีย วงศ์วิโรจน์ และ สันติสุข พรหมศิริ


 

เรื่องย่อ

หลังการกลับชาติมาเกิดของ “บุปผา” (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ในร่างของ “เด็กหญิงปลา” (.. นัดตะวัน ศักดิ์ศิริ) เด็กน้อยผู้น่าสงสารและโชคร้ายที่ถูกฆ่าตายอย่างทารุณในห้อง 609 ของ “ออสการ์อพาร์ตเม้นต์-ฉบับเรโนเวท” ที่มาพร้อม “บ่อนเถื่อน” ซึ่งบริหารงานนับเงินโดย “เจ๊สาม” (ฉันทนา กิติยพันธ์) และดำเนินการโกงนิ่มๆ โดย “เซียนต้อม” (ค่อม ชวนชื่น)

ฉับพลันชั่ววูบความตาย “ผีปลา” ก็ออกอาการร้อนวิชาเฮี้ยนโหด จัดการบรรเลงเพลงเชือดสยองชุดใหญ่ไล่ตั้งแต่ห้อง 609 ยันบ่อนชั้น 3 ที่เหล่าเซียนพนันนานาชาติสิงสถิตย์อยู่

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ “หรั่ง” (มาริโอ้ เมาเร่อ) นักวาดการ์ตูนผีได้ย้ายมาอยู่ที่ออสการ์อพาร์ตเม้นต์แห่งนี้เพียงไม่กี่วัน เขาก็มีโอกาสได้พบกับบุปผา-หญิงสาวที่เขาแอบหลงรักมาตั้งแต่วัยเด็ก โดยไม่รู้ว่าเธอกลายเป็น “ผีบุปผา” ไปแล้ว หาใช่ “พี่บุปผา” คนเดิมไม่

เขาตัดสินใจว่า เป็นไงเป็นกัน เขาจะต้องบอกรักพี่บุปผาให้ได้ แต่แล้ว “บุพเพสันนิวาส” ที่หรั่งเคยคิดเมื่อแรกเจอกัน มันกลับกลายเป็น “บุปผาอาละวาด” จนกระทั่งหรั่งสิ้นสติไป...

ร้อนถึงเจ๊สามที่ต้องจ้าง “หมอคง หรือ ด๊อกเตอร์คง” (สมเล็ก ศักดิกุล), “หมอผีเขมร” และ “ฤาษีตาไฟ” มาร่วมด้วยช่วยปราบผีบุปผาเฮี้ยนรักโดยด่วน!!!

และในขณะที่ “การสืบคดีเด็กหญิงปลาถูกฆ่า” ของนักสืบเทพ กำลังถูกแก้ปมใหญ่-ไขปริศนาอันน่าสะพรึง ข้างฝ่าย “หมวดอังเคิล-จ่าบุญถิ่น” คู่หูตำรวจสุดป่วนก็ต้องกลับมาเยือนออสการ์อพารต์เม้นต์อีกครั้งด้วยความ (ไม่) เต็มใจอย่างสุดซึ้ง เมื่อพวกเขาได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการ “ดักทลายบ่อนเจ๊สาม” เพื่อจับกุมอาชญากรข้ามชาติที่หนีมากบดานที่นี่ให้ได้ โดยงานนี้มี “เดวิด เจียง” มือปราบพระกาฬ (!?!) แห่งเกาะฮ่องกง มาช่วยกันจ้ำอ้าวหนีผีไม่มีอั้น...ซะงั้น

เรื่องราวโกลาหล-งงงวยซวยเป็น “หมู่คณะออสการ์” จะลงเอยอย่างไร กำแพงรักของ “หนุ่มหรั่งและสาวบุปผา” จะถูกฝ่าไปสิ้นสุดตรงจุดไหน

 

 

“ต้อม-ยุทธเลิศ” ยังมีของ สยองต่อเนื่องเรื่องผีบุปผา

 


“บุปผาราตรีภาค 3 มันยังคงเป็นภาคต่อเนื่องมาจากภาค 1 และ 2 แต่ว่าภาค 3 เนี่ย มันจะเป็นการที่ชีวิตของบุปผาได้มาเกิดใหม่ เป็นช่วงเกิดใหม่แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบุปผา จนกระทั่งวันหนึ่งมีเหตุการณ์อุบัติเหตุเกิดขึ้นจนทำให้บุปผาเนี่ยระลึกชาติได้ พอบุปผาระลึกชาติได้ เรื่องก็เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น มันเหมือนกับ 10 ปีผ่านไปหลังจากบุปผาถูกเผา เรื่องมันเริ่มขึ้นที่ 10 ปีต่อมา พอบุปผาถูกเผาก็ไปเกิดเลย ผ่านไป 10 ปี ถึงมีเหตุให้จำตัวเองได้ว่าตัวเองคือบุปผาราตรีไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ

คือภาค 1 มันจะเป็นมู้ดความรักเศร้าๆ ของบุปผาในประสบการณ์ที่เจอะเจอมา พอมาภาค 2 ก็ยังเจอกับความรักที่ไม่แน่ใจ ความรักที่ไม่มั่นคงของผู้ชายที่ตัวเองรัก มาถึงภาค 3 นี้ความรักของบุปผาเริ่มไม่มีเหลือละ มันจะเหลือแต่ความแค้น ความโกรธเกรี้ยว อาฆาตอะไรพวกนี้ นั่นมันจะทำให้บุปผาภาค 3 เนี่ย เป็นบุปผาที่ค่อนข้างจะโหดขึ้น น่ากลัวขึ้น มันจะเป็นครั้งแรกที่บุปผาจะฆ่าคน ปกติจะไม่ฆ่าใคร แค่หลอกให้กลัวเฉยๆ แต่ครั้งนี้เอาถึงตายเลย คือฆ่าไม่เลือกหน้าเลย ไม่เลือกว่าคนนั้นจะเป็นใคร แม้กระทั่งมาริโอ้เองก็ด้วยครับ (หัวเราะ)

แต่ภาค 3 เนี่ยจะเป็นภาคที่บุปผาจะได้สัมผัสกับความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งคนที่นำความรักบริสุทธิ์มาเนี่ยก็จะเป็นพ่อหนุ่มน้อยที่ชื่อหรั่ง (มาริโอ้ เมาเร่อ) ที่จะมองโลกแบบสวยงามซึ่งจะตรงข้ามกับบุปผาที่มองโลกในแง่ร้าย คือคนแง่บวกกับแง่ร้ายมาเจอกันก็กลายเป็นบุปผาภาค 3 นี้”

 

***ขมวดทุกปมสยองขวัญสั่นฮา***

บุปผา 3.2 ก็จะเป็นตอนต่อจาก 3.1 ซึ่งทั้งหมดก็เป็นภาคสามซึ่งเราแบ่งออกเป็นสองตอนอย่างที่รู้กันแล้ว สำหรับผู้ชมที่ดู 3.1 แล้วเกิดคำถามต่างๆ นานา หรือข้อสงสัยทั้งหลาย ทุกอย่างมันจะมาสรุปจบใน 3.2 นี้ มันจะเน้นเรื่องของการขมวดปมที่คาใจไว้ทุกอย่าง ส่วนไอ้พวกเรื่องความเฮี้ยนความสยองความฮาเนี่ย ตอน 3.2 เนี่ยจะอัดกระหน่ำไม่เลี้ยง จะเอามันซัดกันทุกอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นตลก สยอง น่ากลัว และคำตอบของเรื่องราวทั้งหมดมันจะมาจบทิ้งทวนที่ 3.2 นี่แหละ

 

***เซอร์ไพร้ส์…ได้อีก***



นอกจากความน่ากลัว ความสยอง หรือความสนุกที่มีเป็นพื้นฐานของบุปผาราตรีแล้วเนี่ย ส่วนที่
3.2 จะมีเพิ่มเติมมากขึ้นก็คือนักแสดงรับเชิญ ซึ่งอย่างแรกเลยมันจะเป็นการกลับมาของ “หมวดอังเคิล กับ จ่าบุญถิ่น” ที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งของหนังไปแล้ว หลายคนถามถึงว่า ตอน 3.1 ตัวละครหมวด-จ่านี้หายไปไหน ก็ไม่ได้หายไปไหน เพราะจะกลับมาแน่ๆ ใน 3.2 และเป็นแบบเจอผีหลายซีนขึ้นด้วย แล้วก็มีดาราคนอื่นๆ และพวกพี่ๆ ที่เป็นตลกทั้งหลายอีก ซึ่งจริงๆ เราว่าเอาเป็นเซอร์ไพร้ส์ดีกว่า เพราะว่าถ้าบอกหมดเลยมันก็จะไม่สนุก แต่ว่า 3.2 จะเต็มไปด้วยเซอร์ไพร้ส์ว่าดารารับเชิญเป็นใคร มาได้ยังไง คือถ้าเห็นแล้วนี่คงต้องหัวเราะไว้ก่อนแน่ๆ”


***เลิฟสตอรี่ผีกับคน***

ตอน 3.1 มันเป็นการปูตัวละครสองตัวนี้มาก่อนเพื่อที่จะมาสรุปจบที่ตอน 3.2 นี้เลย ตอน 3.2 นี้เป็นเรื่องของเขาเลย จะเป็นบทสรุปของโอ้กับพลอย เราจะได้เห็นความรักที่แบบมีกำแพงกั้นทั้งระหว่างอายุ ระหว่างโลกแห่งความตายกับโลกแห่งความเป็นจริง ความสับสนทางอารมณ์ของความรักที่มันผ่านกระบวนการตายแล้วเกิดใหม่ ความรักนี้มันจะยังคงอยู่หรือเปล่า มันจะเป็นหนังที่จบด้วยความโรแมนติกซึ่งเป็นเลิฟสตอรี่ของสองคนนี้เลย


***ในนามของผีเด็ก***



ถ้าคนเห็นภาพเนี่ย ด้วยความที่มีบุปผาเด็กอยู่เนี่ย ยิ่งทำให้หนังดูรุนแรง ดูหมิ่นเหม่ต่ออะไรหลายอย่างได้ แต่จุดตรงนี้ เรารู้สึกว่า มันมีผลกระทบกับคนดูได้มากที่สุด ซึ่งความรุนแรงเป็นสิ่งที่เราตั้งใจไปหามัน บุปผาตัวเด็กก็จะเป็นตัวถ่ายทอดความรุนแรงของเด็ก ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าความรุนแรงแบบนี้เวลาที่เด็กทำมันจะเพิ่มดับเบิ้ลหรือดูน้อยลง ในความรู้สึกของเราคือ มันน่าสนใจตรงที่เมื่อคนกระทำทารุณทำร้ายเด็กเนี่ย แล้ววิธีที่เด็กตอบโต้เนี่ย ตอบโต้ในระบบของผู้ใหญ่ ในความรู้สึกของเราคือ ถ้าคนดูเห็นการตอบโต้ของเด็กมันคือความสะใจ เวลาได้ตอบโต้คนเลว มันให้ผล
2 แง่มาก บางคนอาจจะดูว่า มีเด็กแล้วเบาลง แต่บางคนถ้ามองไปอีกทาง หนังรุนแรงมาก อันนี้แล้วแต่คนมองเลย เราไม่อาจไปตัดสินใจแทนได้ แต่การมีเด็กเนี่ย มันสะท้อนอะไรหลายอย่างทางสังคมชาวพุทธของเรา


***ยุทธเลิศกระโดดกำแพง...ก้าวใหม่ในที่เดิม***

บุปผาภาค 3 นี่ ถ้าเอาในส่วนของงานกำกับคือมันก็เป็นงานทดลองที่จะทำอะไรอยู่ในที่เดิม เพราะว่าเราเคยเชื่อว่าการทำงานอยู่ในที่เดิมๆ นี่มันน่าเบื่อ การดูอะไรเดิมๆ มันน่าเบื่อ แต่เราอยากลองทำสิ่งที่มันอยู่ในที่เดิมให้มันน่าติดตามไม่น่าเบื่อ เราถือว่ามันเป็นงานท้าทาย ถ้าเราทำได้เราถือว่าเราประสบความสำเร็จ ซึ่งหลังจากทำทั้ง 3.1 และ 3.2 เสร็จ เรารู้สึกว่าเรากระโดดข้ามกำแพงหลายอย่างที่มีความเชื่อว่า โอ๊ย...ภาค 1, ภาค 2, ภาค 3 หนังภาคต่อมันจะอย่างโน้นอย่างนี้ การทำอยู่ที่เดิมๆ ใครจะสนใจ เราคิดว่าเรากระโดดข้ามกำแพงความเชื่ออย่างนั้น พอเวลาเราทำเสร็จ เราก็รู้ว่า เฮ้ย...หนังมันจะสนุกได้มันก็จะสนุกของมันเองไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหนหรือว่ามันจะเป็นที่เดิมหรือมันจะอะไรก็ตาม ถ้าสตอรี่ของหนังเรื่องนั้นมันแข็งแรงก็ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งบุปผาราตรีภาคสามที่ถูกแบ่งเป็นสองตอนนี้ เราถือว่าเราได้ทำงานตามโจทย์ที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ รู้สึกว่าเราทำได้ถึงเป้าหมายที่เราต้องการ ฉะนั้นเราจึงเรียกได้ว่าภูมิใจนำเสนอ นั่นคืออยากให้ทุกคนได้ดูบุปผา 3.2 ซึ่งไม่จำเป็นต้องดู 3.1 ก็ได้ เริ่มที่ 3.2 ก่อนแล้วค่อยกลับไปดู 3.1 ก็ไม่เสียหายอะไร

 

***บุปผา ฟินาเล่***



บุปผา 3.2 เนี่ยมันครบรสแน่ คือตอน 3.1 มันก็ครบรสนะ แต่มันเป็นหนังที่ยังไม่จบไง ครบแต่ยังไม่จบ ต้องมาสานต่อกันที่บุปผา 3.2 เนี่ย ซึ่งจะครบรสจบโดยสมบูรณ์เลย คือบทสรุปของ 3.2 ยังมีสอดแทรกอะไรที่มันเป็นเนื้อหาสาระอยู่ จริงๆ เราทำหนัง เราก็ไม่อยากทำหนังที่เรียกว่าไร้สาระ แต่ขณะที่เราทำจริงๆ เราก็ไม่อยากใส่อะไรที่มันเป็นสาระที่คนไม่ต้องการ การสอดแทรกสาระในความบันเทิงเนี่ย คิดว่าบุปผาราตรี 3.2 ทำได้สมบูรณ์เรื่องหนึ่งเท่าที่เคยทำมาเลยเป็นสองตอนอย่างที่รู้กันแล้ว สำหรับผู้ชมที่ดู 3.1 แล้วเกิดคำถามต่างๆ นานา หรือข้อสงสัยทั้งหลาย ทุกอย่างมันจะมาสรุปจบใน 3.2 นี้ มันจะเน้นเรื่องของการขมวดปมที่คาใจไว้ทุกอย่าง ตอน 3.2 เนี่ยจะอัดกระหน่ำไม่เลี้ยงซัดกันที่ทุกอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นตลก สยอง น่ากลัว และคำตอบของเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลก็จะมาจบทิ้งทวนที่ 3.2 นี่แหละ รวมถึงบทสรุปความรักของมาริโอ้กับพลอย เราจะได้เห็นความรักที่มีกำแพงกั้นทั้งระหว่างอายุ ระหว่างโลกแห่งความตายกับโลกแห่งความเป็นจริง มันจะเป็นหนังที่จบด้วยความโรแมนติกซึ่งเป็นเลิฟสตอรี่ของสองคนนี้เลย แฟนๆ ของโอ้กับพลอยก็น่าจะพอใจขึ้นนะครับ

แล้วก็ยังจะมีดารารับเชิญเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งอย่างแรกเลยมันจะเป็นการกลับมาของหมวดอังเคิลกับจ่าบุญถิ่นที่หลายคนถามถึงก็จะกลับมาแน่ๆ แล้วก็มีดาราคนอื่นๆ หรือพวกพี่ๆ ที่เป็นตลกทั้งหลาย ซึ่งเราว่าเอาเป็นเซอร์ไพร้ส์ดีกว่า เพราะว่าถ้าบอกหมดเลยมันก็จะไม่สนุก แต่ว่า 3.2 จะเต็มไปด้วยเซอร์ไพร้ส์ว่าดารารับเชิญเป็นใคร มาได้ยังไง คือถ้าเห็นแล้วนี่คงได้สนุกกันแน่ๆ”


 

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.