
สะบายดี ภาพยนตร์
ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่ถือเป็นอนาคตสำคัญของวงการภาพยนตร์ไทยอีกคนหนึ่ง สำหรับอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ผู้ที่ได้ชื่อว่าทุ่มเทให้กับการแสดงของตัวเองอย่างเต็มที่ หลายครั้งทีเดียวที่เขาต้องประสบกับความเครียด อันเนื่องจากความพยายามที่จะเข้าให้ถึงบทบาทและกลายเป็นตัวละครตัวนั้นอย่างแท้จริง อนันดายังได้ชื่อว่าเป็นคนที่เลือกบท และจะไม่ยอมเล่นหนังสักเรื่องเพียงแค่ค่าตัว แต่งานชิ้นนั้นต้องเป็นงานที่น่าสนใจจริงๆ เป็นงานที่เขาสามารถทำและลงแรงไปกับมันด้วยความมุ่งมั่นได้ บางทีบ่อยครั้ง เขาก็เลือกจะร่วมงานกับคนทำหนังที่น่าสนใจ อย่างนนทรีย์ นิมิบุตร,เป็นเอก รัตนเรือง หรือวิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง หรือคนทำหนังตัวเล็กๆ ที่มีความตั้งใจอย่างสันติ แต้พานิช บางครั้ง แค่มีความตั้งใจทำหนังที่ดีของผู้กำกับ ก็สามารถเชื้อเชิญให้อนันดาเข้าร่วมหัวจมท้ายมาร่วมแสดงได้
และนั้นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่นำพาเข้ามาสู่การรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง สะบายดี หลวงพะบาง เขาอธิบายว่าสาเหตุไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก คือเกิดจากการที่ผู้กำกับ คุณศักดิ์ชาย ดีนาน เอาบทมาเสนอ เขามาแบบซื่อๆเลย โทรติดต่อมาทางเรา บอกว่ามีหนังเรื่องหนึ่งอยากจะคุยด้วย ก็ไม่ได้ดูมั่นใจกับมันเท่าไหร่ เขาไม่แน่ใจว่าจะทำเป็นหนังแผ่นหรือทำเป็นหนังฉายโรง ตอนแรกเขามาคุยกับผมก็คิดว่าผมอาจจะไม่เล่นเพราะว่ามันเป็นหนังฟอร์มเล็กๆ แต่ตอนที่ผมได้ยินเกี่ยวกับโปรเจ็คท์นี้ ผมก็ได้รู้ว่าเขามีจุดประสงค์ที่ดีมาก คือเขาไม่ได้หาผมเพราะรู้สึกว่าถ้าผมเป็นดารานำ หนังต้องได้เงิน ต้องดังอะไรแบบนั้น เขาถนัดทำงาน และบทนี่ก็เป็นงานส่วนตัวสำหรับเขา ผมรู้สึกว่าพี่โป๋ยนี่เขาทำงานเพราะเขาอยากที่จะทำมันจริงๆ ก็เลยตกลงร่วมงานกับเขา สำหรับในเหตุผลส่วนตัวของผม ก็มีเยอะแยะนะครับ เช่นเป็นบ้านเกิดของแม่ และอื่นๆ
เมื่อได้อ่านบทครั้งแรก อนันดาก็รู้สึกชอบทันที เพราะสำหรับเขาถือเป็นบทที่น่ารักและใสๆ ให้ความรู้สึกบรรยากาศของต่างจังหวัด แต่ก็เหมือนบทหนังเรื่องอื่นๆ คือเมื่ออ่านครั้งแรกแล้วรู้สึกว่ามีสิ่งที่จะต้องปรับปรุงกัน ซึ่งการปรับปรุงนี้มันก็เกิดจากหลายๆ เหตุผล ทั้งจากความต้องการของผู้กำกับเอง หรือมาจากความเห็นของอนันดา หรือมาจากทางฝั่งลาวที่ขอให้รักษาวัฒนธรรมของเขา แต่การแก้ไขบทไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ยังคงรักษาซึ่งหัวใจดั้งเดิมเอาไว้ได้อยู่ อนันดาชอบในความง่ายๆ ตรงๆ และไม่พยายามทำตัวซับซ้อนอะไร
สะบายดี (ตำแหน่ง) ร่วมอำนวยการสร้าง
ในตอนแรกเมื่อถูกทาบทาม อนันดาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จะขึ้นมารั้งตำแหน่งอำนวยการสร้างด้วย แต่ก็เป็นไปแล้วและนี่เป็นครั้งที่สองที่เขามาเกี่ยวพันในลักษณะนี้ หลังจากที่เคยทำมาใน ดึกแล้วคุณขา งานกำกับของสันติ แต้พานิช
อนันดาเล่าถึงเหตุผลที่เข้ามาเป็นอำนวยการสร้างให้ สะบายดี หลวงพะบาง ว่า เรารู้สึกว่าหนังอย่างนี้มันสามารถทำอะไรได้เยอะน่ะครับ มันมีแง่มุมอื่นนอกเหนือจากความเป็นหนังน่ะครับ ด้วยเป็นหนังเรื่องแรกในรอบหลายสิบปีของประเทศลาว เป็นเครื่องมือในการช่วยเปิดตัวประเทศลาวออกไปสู่ระดับนานาชาติให้เห็นว่า ประเทศลาวมีอะไรมากกว่าที่หลายๆ คนคิดกัน ด้วยเหตุผลพวกนี้ทำให้ผมอยากจะมาช่วยผลักดันหนังด้วย มาช่วยเอาสารตรงนี้ให้เดินทางกว้างออกไป ซึ่งตรงนี้ก็เลยต้องทำให้เป็นอำนวยการสร้างช่วยดันหนังออกไปตามเทศกาลหรือตลาดต่างประเทศ เพราะในทีมงานสร้าง หรือในฝั่งนายทุนผู้ออกเงิน ถึงจะมีอำนาจในการสร้างหนังออกมา แต่ก็เป็นการทำหนังเรื่องแรกของเขา มีแต่ผู้กำกับที่มีประสบการณ์ เรื่องการฉายในไทยเราก็ไม่ค่อยไปยุ่งกับเขาหรอกครับ แต่ต่างประเทศ เราบอกกับทางผู้สร้างว่า เราขอรับผิดชอบตรงนี้ ก็เป็นอำนวยการสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อนน่ะ มันอาจจะยุ่งยากตรงเรื่องของการสื่อสารเฉยๆ อำนวยการสร้างคือลงทุน หาเงินทุนมาสร้าง และหาวิธีเอาเงินทุนคืน มันเป็นเรื่องของการคุยกับคน ส่งข้อมูล มันไม่ยาก สุดท้ายอยู่ที่เนื้อหนังแหละว่ามันจะไปได้ไกลแค่ไหน
สะบายดี การทำหนัง

สำหรับอนันดา ตัวละครช่างภาพที่เขารับบทในเรื่องนี้ ถือว่ามีความใกล้เคียงกับตัวของเขาไม่น้อย ฟังดูแล้วก็ไม่น่าจะทำให้เขาต้องทำงานยากเย็นอะไร เพราะสำหรับอนันดาแล้ว การทำงานในหนังเรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องอื่นเลย เนื่องจากในบทภาพยนตร์มีบทพูดที่ค่อนข้างเยอะ และมีเรื่องราวที่จะต้องเล่าอยู่มากภายใต้ข้อจำกัดในการทำงานที่สูง คือเวลาในการถ่ายทำเพียง 13 วันเท่านั้น แถมยังเป็นเรื่องของการเดินทางด้วย ทำให้การทำงานค่อนข้างเป็นการแข่งกับเวลา อนันดาพูดถึงวิธีการทำงานในหนังเรื่องนี้ว่า เราต้องทำให้เนียน เราต้องพยายามนึกถึงเรื่องตลอดเวลาว่า เออ นี่เป็นช่วงไหนของหนัง ต้องเล่าอะไรบ้าง เพราะว่าหนังเกิดขึ้นเร็วมาก เราถ่ายตรงนี้เสร็จปุ๊บ ก็ต้องย้ายไปถ่ายตรงอื่นต่อทันที ต้องมีความพร้อมอย่างสูง บางทีก็มีการช่วยๆ เตือนกันว่า เออ อันนี้อาจจะยังไม่ได้ถ่ายนะ เรามีข้อจำกัดตรงที่ทุนและเวลาที่มีอยู่น้อย ถ่ายถึงเที่ยงคืนทุกวัน
ถึงจะเหนื่อยแต่อนันดาก็ยังรู้สึกสนุก เขายังมีโอกาสได้สัมผัสความสวยงามของบ้านเมือง สำหรับเขาเอง ถึงแม้การทำงานจะเป็นการทำหนัง แต่ก็กึ่งๆ เหมือนไปเที่ยวด้วย มีคนมาเยี่ยมและเที่ยวไปด้วยกันกับเขา
ทางด้านการทำงานร่วมกับนักแสดงลาว ที่ทั้งหมดล้วนแต่เป็นมือสมัครเล่นไม่เคยผ่านการแสดงมาก่อน ถือเป็นเรื่องน่าประทับใจสำหรับพระเอกหนุ่มคนนี้เป็นอย่างดี เพราะเขามีโอกาสได้เห็นความสดในการแสดง ก็เล่นไปตามความรู้สึกที่บทเขียนไว้ เศร้าคือเศร้า สุขคือสุข สำหรับอนันดา นักแสดงแบบนี้ช่วยทำให้มีพลังในการแสดง เพราะเป็นการแสดงที่จริงใจ
เขาไม่คิดเรื่องต้องหาเหลี่ยมหามุข คอยมาดูว่ากล้องตรงนี้ถ่ายโคลสอัพหรือยัง พวกที่รู้เยอะก็จะแบบ กล้องตรงนี้ยังไม่ถึงหน้าฉัน ฉันก็จะเล่นแค่นี้ ไว้ให้เห็นหน้าฉันชัดๆ ค่อยแสดงเต็มที่ แต่พวกนี้เขาไม่สนน่ะ จะถ่ายเขาแคบหรือกว้างเขาก็เล่นด้วยระดับที่เท่ากันหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่นักแสดงควรจะทำ
สำหรับการทำงานในประเทศลาว ในฐานะกองถ่ายหนังเรื่องแรกในรอบ 35 ปี การทำงานก็เป็นไปอย่างราบรื่น ท่ามกลางความสนใจของผู้คนชาวลาว อาจจะให้ความสนใจมาก อนันดาเข้าใจตรงนี้ดี เพราะอยู่ดีๆ กองถ่ายก็ไปปรากฎบนถนนหนทาง มีกล้องตัวใหญ่ๆ คนเขาก็อาจจะมองเหมือนว่า พวกกายกรรมมาแสดงอะไรเหรอเปล่า? เนื่องจากทางทีมช่างไฟนั้นจะใส่เสื้อเหมือนกันหมดไม่ต่างอะไรกับคณะกายกรรม พระเอกหนุ่มจำได้ว่ามีคนมามุงดูการถ่ายทำในทุกวัน และมามุงดูตลอดทั้งวันเลย แล้วบรรดาคนที่มามุงกองถ่ายก็จะขอถ่ายรูปกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นทีมงานหรือนักแสดง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเล็กหรือใหญ่ ถือเป็นเรื่องที่น่ารักดีสำหรับเขา
ส่วนการแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ขณะถ่ายทำ ระหว่างอนันดากับผู้กำกับ ก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกันปรกติในขั้นตอนการทำงาน อันไหนที่เขารู้สึกว่าโอเค แต่ในใจหนึ่งก็จะคิดว่าทำให้มันดีขึ้นมาอีกได้ อนันดาก็จะบอกผู้กำกับไปตรงๆ ซึ่งฝ่ายหลังก็เปิดใจยอมรับเสมอ อนันดาพูดถึงการทำงานร่วมกับผู้กำกับว่า เขาไม่ใช่คนที่ยึดเอาแต่ความคิดเขาเป็นหลักอย่างเดียว ก็แชร์กัน มันก็เป็นเรื่องของแกแหละ เราไม่ได้ไปบอกเขาว่า เออ เรื่องมันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้นะ เราก็จะมองในส่วนของเราว่า เออแสดงแบบนี้นะดีกว่าไหม ฉากนี้เหตุการณ์ควรจะปรับออกมาให้เป็นอย่างนี้ไหม แกก็รับฟัง การทำงานระหว่างเราก็ราบรื่นดีครับ
สะบายดี แผ่นดินแม่

สำหรับพระเอกหนุ่ม ลาวคือบ้านเกิดของแม่ คือแผ่นดินที่เขามีความผูกผันด้วยอย่างลึกซึ้ง การได้ไปถ่ายหนังเรื่องนี้จึงมีความหมายต่อเขามากเป็นพิเศษ เมื่อถามเขาว่า สำหรับเขาแล้ว มนต์เสน่ห์ของลาวคืออะไร เขากล่าวว่าให้เขาพูดแทนคนไทยมันคงยากนิดหนึ่ง แปลกอย่างหนึ่งตรงที่ เราเป็นคนลาวก็จริง แต่เราโตที่นี่ ด้านหนึ่งเราก็จะรู้สึกว่าเป็นคนไทยมาตลอด แต่ด้วยสัญชาติด้วยบ้านเกิดของแม่นี่ จริงๆ แล้วเราเป็นคนลาว เราอยู่ที่นี่ พูดภาษาไทยอยู่กับคนไทย พอไปที่ลาว คนลาวเขาก็จะมองผมเป็นเหมือนพี่น้อง ก็จะปฎิบัติเหมือนเราเป็นคนในครอบครัว ดังนั้นการที่ผมจะพูดแทนคนลาวหรือประเทศลาวมันยากน่ะครับ ยากที่จะพูดเป็นส่วนรวมได้ แต่ถ้าเอาแค่ส่วนตัว มันมีสิ่งดีมากระหว่างสองประเทศ
ก่อนอื่น อนันดาอยากให้คนมองว่าไม่มีประเทศไหนเหมือนเราเท่าประเทศลาวอีกแล้ว อย่างสมมุติถ้าเราเป็นคนไทยเนี่ย เราต้องจำไว้ก่อนว่ามันมีประเทศเดียวที่เหมือนประเทศไทยนั้นก็คือลาว คนก็เหมือนกัน อาหารก็เหมือนกัน สำหรับคนไทยมนต์เสน่ห์อาจจะอยู่ตรงที่ว่า มันมีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของของวิถีชีวิต การอยู่กินกันอย่างพอเพียง ซึ่งมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ คนไทยที่ได้ไปที่ลาวบางคนเห็นแล้วก็อาจจะบอกว่า เออ บ้านเมืองเขาคล้ายกับที่บ้านเรามาก
ไม่ว่าจะไปปีที่แล้วหรือปีนี้ อะไรที่เคยเป็นมาเมื่อ 20-30 ปีก่อนตอนนี้ก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น คือเขาก็จะมองในด้านดีพูดถึงด้านดีๆ ไม่มองในเชิงลบ เป็นความรู้สึกดีๆ ที่เขาอาจจะไม่เคยได้เห็นหรือรับรู้ อย่างคนสูงอายุ เมื่อมาเยื่อนลาวก็อาจจะย้อนนึกไปถึงวัยเด็กของเขา ประมาณว่า เออ เราไม่ได้เห็นสภาพบ้านเมืองอะไรแบบนี้มานานแล้ว ส่วนถ้าเป็นฝรั่งเนี่ยอาจจะมีน้อยที่รู้สึกแบบนี้ อย่างในมุมมองของผม ผมรู้สึกว่าประเทศไทยเราเป็นประเทศที่จิตใจดี รู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุข แต่คนที่ลาวเขาจะเป็นยิ่งกว่าเรา นิสัยของเขาบริสุทธิ์และสะอาดยิ่งกว่าเรา ซึ่งอาจจะเพราะว่าด้วยการที่โลกและวิถีคิดแบบสังคมสมัยใหม่เข้าไปที่ประเทศของเขาช้ากว่าเรา ซึ่งมันก็จะมีความกร้านโลก ตามลักษณะ นิสัยของคนสังคมเมืองใหญ่เข้ามาด้วย
สะบายดี อนาคต
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้อนันดาเข้ามาทำหนังเรื่องนี้ คือเขาอยากให้หนังประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากให้ทำเงินถล่มทลาย เขาหวังเอาไว้ว่าผลงานชิ้นนี้จะเป็นตัวเปิดทางให้คนที่ลาวได้มีพื้นที่ในการแสดงออกมากขึ้น ได้ถ่ายทอดความรู้สึกและความคิดของตัวเองออกมาเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่ง แบบเช่นการสร้างภาพยนตร์ อนันดากล่าวว่าเขาจะรู้สึกภูมิใจมาก ถ้าหากคนได้มาเห็นภาพในหนัง ได้เห็นธรรมชาติ และคิดว่าสถานที่ต่างๆ ที่ได้เห็นล้วนน่าไปเที่ยว น่าไปถ่ายทำหนัง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะจะช่วยให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่โน้นได้เกิดขึ้นมา
.

|