ว่ากันว่า ปลาทอง เป็นสัตว์ที่มีความจำสั้นเพียง 3 วินาที
ว่ากันว่า ปลาทอง เป็นสัตว์ไม่มีความรัก เพราะเพียงแค่มันว่ายจากขอบโถด้านหนึ่ง
ถึงขอบโถอีกด้านหนึ่ง มันก็จำหน้าปลาสาวที่มันเพิ่งบอกรักไม่ได้ซะแล้ว
แต่เพราะคน ไม่ใช่ปลาทอง เราจึงลืมความรักกันไม่ได้ง่ายๆ !!!
อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, บุษบา ดาวเรือง, วิสูตร พูลวรลักษณ์, จินา โอสถศิลป์
อำนวยการสร้าง ยงยุทธ ทองกองทุน, เช่นชนนี สุนทรศารทูล, สุวิมล เตชะสุปินัน
นักแสดง อารักษ์ อมรศุภศิริ, ญารินดา บุนนาค, ศันสนีย์ วัฒนานุกูล และ กฤษณ เศรษฐธำรงค์
กำกับภาพยนตร์ ยงยุทธ ทองกองทุน
บทภาพยนตร์ วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์, อมราพร แผ่นดินทอง, นนตรา คุ้มวงศ์
ดำเนินงานสร้าง บริษัท จอกว้าง ฟิล์ม
ออกแบบงานสร้าง อรรคเดช แก้วโคตร
กำกับภาพ สมบุญ โพธิพิทักษ์กุล
ลำดับภาพ ปาน บุษบรรณ
บันทึกเสียง บริษัท กันตนา แลบบอราทอรี่ส จำกัด
ดนตรีประกอบ เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน
ออกแบบเครื่องแต่งกาย บุญชัย เกียรติธีรรัตน์
คัดเลือกนักแสดง จารุภัส ปัทมศิริ
ฝึกสอนการแสดง รสสุคนธ์ กองเกตุ
เรื่องย่อ
เรื่องราวความรักของคนสองคู่ สองวัย ที่เวียนมาพบกันในช่วงเวลาสั้นๆ
หากแต่มันกลับประทับอยู่ในความทรงจำ ซึ่งกันและกันยาวนาน...
เมื่อสัตว์แพทย์หนุ่มปากมอม เก่ง (เป้ - อารักษ์ อมรศุภศิริ) กลับมาพบกับเพื่อนซี้ โอม (เจมส์ อเล็กซานเดอร์ แม็กกี้ ) อีกครั้งในงานเลี้ยงรุ่น หลังจากจบปาร์ตี้ เก่ง กับโอม ที่อยู่ในสภาพเมาแอ๋ ก็พากันขับรถกลับบ้าน แต่โชคไม่เข้าข้าง เพราะไปเจอเข้ากับคุณตำรวจที่กำลังตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ และด้วยฤทธิ์สุราที่พุ่งปรี๊ดเกินกฎหมายกำหนด เก่ง ก็เลยโดนรวบเข้าคุก โดยที่โอม พยายามขับรถออกไปเพื่อหาทางมาประกันเพื่อน แต่ดันซวยซ้ำสอง เพราะเผลอขับรถไปสอยเข้ากับมอเตอร์ไซค์ของตำรวจ งานนี้ทั้งคู่เลยกอดคอเดินเข้าคุกไปตามระเบียบ และในคืนนั้นเอง ฝ้าย (ญารินดา บุนนาค) แฟนเก่าของ โอม รุดมาหาถึงที่ พร้อมกับหาเงินมาประกันตัวทั้งคู่เป็นอิสระ ระหว่างทางกลับบ้าน ฝ้ายซึ่งเป็นคนที่รักหมาเป็นชีวิตจิตใจ สวมวิญญาณแม่พระ กระโดดลงจากรถลงไปช่วยหมาที่ถูกรถชนจนตกลงไปในคลอง หลังจากที่ช่วยมาได้อย่างทุลักทุเล ก็พาไปรักษาตัวที่คลินิกของหมอเก่ง ซึ่งเก่ง เองก็กุลีกุจอจัดการทำแผลเข้าเฝือกให้จนเรียบร้อย หลังจากนั้นเจ้าหมาน้อยนามว่า สะพานลอย (ชื่อสุดกวนที่ฝ้าย เพิ่งตั้งให้) ก็กลายมาเป็นสะพานที่เชื่อมโยงให้เก่ง กับฝ้าย ได้พบปะพูดคุยกันมากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากการเจอกันของเก่ง และฝ้าย ทำให้ความทรงจำดีๆที่เก่ง เคยมีกลับคืนมาอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่สมัยเรียนกวดวิชา เก่ง เคยแอบรักฝ้าย อยู่ข้างเดียว ซึ่งเป็นความรักครั้งแรกที่เก่งผิดหวังสุดๆ เพราะโอม เพื่อนรัก ดันจีบฝ้าย ตัดหน้า แถมยังคว้าไปเป็นแฟน โดยที่ฝ้าย ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเก่งแ อบรักมานาน
เวลาหลายปีที่ไม่ได้เจอกัน เก่ง พยายามตัดใจ การกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทำให้เก่ง วางฟอร์ม แกล้งทำเป็นเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน แม้จะรู้ว่าทั้งโอม และฝ้าย ต่างก็เลิกกันไปแล้ว แต่พอเห็นทั้งคู่ยังติดต่อพึ่งพากันอยู่ เก่ง ก็ยิ่งเศร้าไปกว่าเดิม ซึ่งตัวฝ้าย เองก็เสียใจไม่น้อย เมื่อความสัมพันธ์ที่มีกับโอม ได้เปลี่ยนสถานะจากคนรัก กลายมาเป็นเพียงแค่คนรักเก่าเท่านั้น!!
และเพราะเหตุการณ์เมาแล้วขับ ทำให้เก่ง ต้องมาบำเพ็ญประโยชน์ สอนวิชาคอมพิวเตอร์ให้กับลูกศิษย์จากชมรมคอมพิวเตอร์เพื่อผู้สูงอายุ การปรากฏตัวต่อหน้านักเรียนที่ล้วนมีอายุไม่ต่ำกว่า 60 อัพ ทำให้เก่งตื่นเต้นไม่น้อย แม้จะอายุจะเยอะแต่หัวใจยังเป็นวัยรุ่น และที่นี่เองที่ทำให้เก่งได้เจอกับ สองลูกศิษย์ ลุงจำรัส (กฤษณ เศรษฐธำรงค์) และป้าสมพิศ (ศันสนีย์ วัฒนานุกูล) คู่รักที่พบกันในชมรมแห่งนี้ และเป็นคนที่ทำให้ชีวิตของเก่ง ได้รู้จักอีกแง่มุมของความรักที่ต่างออกไป เพราะทุกๆอาทิตย์ลุงจะขับรถจากสวนที่ชุมพรมาเรียนกับป้าที่กรุงเทพฯ เพียงเพื่อจะได้อยู่ด้วยกันครั้งละสามชั่วโมง ลูกของป้าไม่เห็นด้วยที่แม่ริมีรักใหม่ในวัยนี้ ป้าสมพิศ เองก็ไม่ค่อยสบายใจนัก เมื่อรู้ว่าลูกชายจะพาครอบครัวย้ายไปอยู่เมืองนอก พอรู้ว่าเหลือเวลาที่จะอยู่เมืองไทยอีกเพียงไม่นาน ป้าสมพิศ ตัดสินใจหนีลูกไปเที่ยวบ้านลุงจำรัส ที่ชุมพร โดยที่ไม่รู้ว่าวันและวัยเป็นอีกแรงที่กำลังพรากทั้งคู่ออกจากกัน
เพราะการหายตัวไปของป้าสมพิศ ทำให้ลูกชายบุกถามข่าวคราวของแม่ถึงคลินิกหมอเก่ง ทำเอาเก่งถึงกับอึ้ง ก่อนจะหัวไวแสร้งโกหกว่านัดลูกศิษย์ให้ไปถ่ายรูปกันนอกสถานที่ งานนี้ ฝ้าย เลยตกกระไดพลอยโจน กลายเป็นโชเฟอร์จำเป็นพาเก่ง ไปถึงชุมพร เมื่อไปถึงสวนทุเรียน ลุงจำรัส และป้าสมพิศ ต่างรู้ดีว่าการมาของเก่ง มีจุดหมายอย่างไร แต่ลุงและป้าก็อยากจะใช้ทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันให้มีค่าที่สุด ซึ่งการมาชุมพรครั้งนี้ทำให้เก่ง ได้ใกล้ชิดกับฝ้าย มากขึ้น ทำให้เก่ง เริ่มลังเลในความรู้สึกดีๆที่มีต่อฝ้าย ในขณะที่เก่ง กำลังเกิดอาการหลงรักอยู่นั้น ลุงจำรัสกลับมีอาการป่วยและกำลังจะกลายเป็นคนหลงลืมไปตลอดชีวิต
ผู้กำกับเปิดใจ ยงยุทธ ทองกองทุน กับการกำกับหนังรักเป็นครั้งแรก
สิน-ยงยุทธ ทองกองทุน ผู้กำกับหนังอารมณ์ดี ค่ายจีทีเอช กำกับหนังตลกประสบความสำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง นับตั้งแต่ สตรีเหล็ก , แจ๋ว , แก๊งชะนีกับอีแอบ ล่าสุด สิน-ยงยุทธ ขอทำหนังรักซึ้งๆ ถึงลูกถึงหลาน ความจำสั้น..แต่รักฉันยาว
ตั้งแต่จบหนังเรื่อง แก๊งค์ชะนีกับอีแอบ ผมเริ่มมองหาโปรเจ็คอื่นๆ ที่อยากทำ ตอนนั้นมีสี่แพร่งเข้ามา ระหว่างทำสี่แพร่ง ผมก็คิดอยากลองทำหนังรักดูบ้าง แต่มองแล้วว่า จีทีเอช ทำหนังรักมาเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่จะจำกัดแวดวงอยู่ในความเป็นวัยรุ่น แล้วพอเรามีโอกาสได้ทำหนังที่มีประเด็นความรักหลากหลาย ที่มีความรักของผู้ใหญ่เข้ามาด้วย เราจะทำได้มากน้อยแค่ไหน เป็นสิ่งที่คิดๆกันอยู่ จนวันหนึ่ง พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล ไปสอนหนังสือที่ม.กรุงเทพ แล้วมีหนังสั้นของ น้องฝน-ขนิษฐา ขวัญอยู่ เรื่อง เวลารัก เล่าเรื่องราวความรักของผู้ใหญ่คู่หนึ่ง ซึ่งมีหลายๆ โมเม้นท์ของผู้ใหญ่ในเรื่องที่น่ารัก น่าสนใจ พี่เก้งจึงเอามาเสนอ มันเหมือนจุดประกายในสิ่งที่เราคิดอยู่ มันเกิดภาพชัดเจนขึ้น กลายเป็นจุดคิกอ๊อฟที่ทำให้เกิดโครงเรื่อง ความจำสั้น..แต่รักฉันยาว ผนวกกับไอเดียของทีมเขียนบท ที่อยากจะพูดเรื่องความจำ โดยที่มีประเด็นอยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ จึงมาลงตัวที่ความรักของคน 2 คู่ 2 รุ่น ซึ่งกำลังประสบวิกฤตปัญหาอันเกี่ยวเนื่องกับความจำที่ส่งผลถึงความรักของเขาทั้ง 2 คู่
นักแสดง คือส่วนผสมที่ลงตัว
นักแสดงในเรื่องทุกคนต้องผ่านการแคสติ้ง พี่นิด-ศันสนีย์ ผมเคยร่วมงานมาแล้วในหนังแก๊งค์ชะนีฯ ผมชื่นชอบฝีมือการแสดงของพี่นิดมาก คุณลุง เล่น รัก|สาม|เศร้า มาก่อน แต่แกเหมาะกับบทลุงจำรัสมาก เพราะเป็นคนแก่ที่หัวใจหนุ่มตลอดเวลา ส่วนคู่หนุ่ม-สาว เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ คือโจทย์ที่ท้าทายสำหรับผม เราจะสามารถเปลี่ยนคาแร็กเตอร์เขาได้มั้ย จากร็อคเกอร์หนุ่ม ขวัญใจเด็กแนวมาเป็น หมอเก่ง สัตวแพทย์ ซึ่งเป้ยอมเปลี่ยนลุค ตอนแรกตั้งใจตัดผมสั้นเลย แต่ติดเรื่องคิวละคร และอัลบั้มเพลง เป้ยอมใส่วิก สวมแว่นทำให้คาแร็กเตอร์ดูแตกต่าง และเป้เข้าถึงบทได้ดีมาก ส่วน ญารินดา บุนนาค ชอบตั้งแต่แรกเห็นเลย ในรายละเอียดของการแสดงเขาทำได้ดีมาก ญารินดาคือคนที่ใช่ คือคนที่เราจินตนาการไว้ และพอ เป้กับญารินดา มาเข้าคู่กันเขาสนิทกันระดับหนึ่งอยู่แล้ว พอเข้าฉากด้วยกัน ทำให้มีหลายซีนที่น่ามอง
ทุกฉากคือภาพความประทับใจ
หนังเรื่องนี้ผมต้องการให้ภาพออกมาสวย เราได้โลเคชั่น ป่าโกงกาง ป่าชายเลน ซึ่งวิวสวยมาก อากาศกำลังหนาว ฉากบนเรือตกหมึกผมแฮปปี้มาก แสงไฟที่ส่องลงมา ทำให้ฉากนี้ดูโรแมนติก แต่ในความโรแมนติก ต้องยกสปิริตให้นักแสดงทั้ง 2 คน เป้-ญารินดา ที่ต้องใส่เสื้อผ้าบางๆ ทนกับสภาพอากาศหนาว และในคืนนั้นเป็นวันเกิดของญารินดา ที่เราถ่ายกัน 1 วันเต็มๆ เขาต้องฉลองวันเกิดบนเรือ ด้วยการเล่นฉากอารมณ์ครบทุกรส ทั้งรัก โกรธ เศร้า ร้องไห้ เป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่นักแสดงกับทีมงานมีร่วมกัน
ต้นชมพู่มะเหมี่ยว ตัวแทนความรักของลุงกับป้า
หนังเรื่องนี้มีตัวแทนความรัก ต้นชมพู่มะเหมี่ยว เปรียบเสมือนตัวแทนความรักของลุงกับป้า เพราะชมพู่มะเหมี่ยวต้นนี้ฝ่าลมฝน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพร้อมกับลุง เมื่อวันที่พายุเข้าที่สวน ต้นไม้ต้นอื่นถูกลมพัดโค่นล้มจนหมด เหลือเพียงต้นนี้ที่เกือบตาย แต่ลุงประคบประหงมจนในที่สุดมันสามารถแตกกิ่งก้านสาขาขึ้นมาใหม่ เหมือนเป็นกำลังใจให้ลุงรู้ว่า สำหรับเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมา เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เหมือนกับความรักของลุง-ป้า ถึงแม้จะมาเจอกันตอนอายุมากแล้ว แต่ทั้งคู่ยังมีโอกาสและเป็นกำลังใจให้กันและกันที่จะเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง
ชมพู่ม่าเหมี่ยวที่สุดแสนจะโรแมนติก
มีหลายคนบอกผมว่า ต้นชมพู่มะเหมี่ยวเวลาออกดอกจะมีเกสร ออกลูกจะสวยมากเป็นสีชมพู และเวลาร่วงลงสู่พื้นดินมันเหมือนพรมกำมะหยี่ ตอนแรกไม่เชื่อ พอไปเจอรูปถึงรู้ว่ามันสวยจริงๆ ฉากที่ลุงขอป้าแต่งงานใต้ต้นชมพู่มะเหมี่ยว ดูสวยและ โรแมนติกมากครับ และที่สำคัญที่บ้านผมก็มีต้นชมพู่มะเหมี่ยวครับ แต่ผมไม่เคยเห็นมันออกลูก ไม่เคยเห็นเกสรที่สวยงามดุจดั่งกำมะหยี่ เพราะเด็กรับใช้ที่บ้านขยันมาก กวาดเกสรซะเรียบ ลูกชมพู่ก็เอากระดาษมาห่อเพื่อป้องกันกระรอกและแมลงมากิน ตั้งใจว่าปีหน้าจะขอเห็นความสวยงามกับเขาบ้าง
ซึ้งปนขำ ชมพู่มะเหมี่ยวทำเหตุ
ชมพู่มะเหมี่ยวต้นนี้เราสร้างขึ้นมาเอง ด้วยเพราะอายุตามที่เราต้องการในเรื่องไม่สามารถหาได้ง่ายๆ ฝ่ายโปรดักชั่นดีไซน์ได้ไปดูสถานที่ถ่ายทำ และมุมต่างๆ แล้วไม่มีทางที่จะหาต้นชมพู่มะเหมี่ยวได้พอดี ทั้งอายุ ขนาด เราต้องการควบคุมมันให้ได้ สุดท้ายเลยสร้างขึ้นมา เป็นการผสมผสานระหว่างต้นไม้จริงกับไฟเบอร์กลาส เกสรสีชมพูที่เห็น เรากว้านซื้อไม้กวาดพลาสติกจากร้านค้าทั่วจันทบุรี แล้วตัดขนจากไม้กวาดมาย้อมสีชมพู ปรากฏว่าหมดทุกร้าน เลยต้องแก้ไขด้วยการซื้อเชือกไนลอนมาคลี่แล้วควั่นออก ย้อมสี แล้วปูลงไป ถ่ายเทคแรกยังไม่เท่าไร แต่พอเทคที่ 2-3 พอคนย่ำมันก็จมดิน ต้องโปรยใหม่ พอถ่ายทำเสร็จก็จะมีทีมงานไปตามเก็บเอามาล้างแล้วโปรยใหม่ ไม่คิดว่าจะยากเย็นขนาดนี้
ตลกเข้าเส้น แต่รักเข้าใจ
หนังตลกมันเหมือนอยู่ในเส้นผมแล้วครับ คือทำแล้วชัวร์อยู่ตัว แต่พอทำหนังรักผมต้องทำการบ้านเยอะ เวลาถ่ายเสร็จแต่ละเทค จะดูซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้มั่นใจว่าใช่ ทำหนังตลกมาเยอะ จนมีน้องๆฝ่ายตัดต่อแซวว่าอดตลกไม่ได้นะเนี่ย มีแอบแทรกตลกเล็กๆ น้อยๆ สุดท้ายทำหนังก็อยากให้คนดูมีอารมณ์ยิ้มๆ แต่ต้องอยู่ในดีกรีที่ไม่ทำให้เสียบรรยากาศของหนัง
หนังสะท้อนตัวตน
หนังสะท้อนตัวตนความเป็นผู้กำกับอยู่แล้ว พอผมทำหนังรัก มุมมองความรักของวัยรุ่นผมไม่มีอะไรมากแล้ว แต่ในเนื้อหาแบบนี้ผมสามารถสะท้อนเรื่องราวบางอย่างของครอบครัว สะท้อนสภาพความสัมพันธ์ทางสังคม สะท้อนเรื่องราวความรักของวัยหนุ่มสาว ที่อยู่ในอาการอยากลืมกลับจำ เพราะว่าไม่สามารถลืมรักครั้งแรกได้ และไม่กล้าเริ่มกับรักครั้งใหม่ ขณะที่ลุงกับป้า ผ่านอะไรในชีวิตมาเยอะ ประสบการณ์จำไว้เป็นบทเรียนและพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับทุกเรื่อง
อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ ประโยคเด็ดโดนใจ
คนเรามักจะเป็นอย่างนี้เสมอ อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ ผมว่าคนเราไม่จำเป็นต้องลืมทุกเรื่องก็ได้เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ เราสามารถที่จะจำมันเอาไว้ เพื่อเป็นอุธาหรณ์ เป็นพลังในการผลักดัน ไว้เพื่อเตือนใจไม่ให้ทำผิดพลาดอีก เราใช้ประโยชน์จากมันได้ ประเด็นอยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ มันเป็นคอนฟลิคที่เกิดขึ้นในหนัง แต่สิ่งที่ผมอยากพูดต่อไปนี้ในหนังก็คือ การเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้งของชีวิตคนเราในทุกเรื่องครับ
พี่เบิร์ดร้องเพลงประกอบหนัง
เก้ง -จิระ มะลิกุล โปรดิวเซอร์ค่ายหนัง จีทีเอช ประทับใจประโยคเด็ดของ เบิร์ด -ธงไชย แมคอินไตย์ คำว่า จะได้ไม่ลืมกัน ที่เขียนให้ไว้ในแผ่นโน้ตเพลงประกอบภาพยนตร์ ความจำสั้น ..แต่รักฉันยาว มาใช้เป็นชื่อเพลงประกอบภาพยนตร์รัก ฟิลกู๊ด ของผู้กำกับ ยงยุทธ ทองกองทุน
เก้ง -จิระ เผยว่า ผมได้ฟังพี่เบิร์ด ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง ความจำสั้น ..แต่รักฉันยาว ในห้องอัดเสียงที่จีเอ็มเอ็มแกรมมี่แล้ว ยอมรับว่าไพเราะมากมาก ตอนที่คุณนิ่ม สีฟ้า แต่งเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ เรายังไม่มีชื่อเพลง แต่พอผมได้อ่านข้อความที่พี่เบิร์ด เขียนให้ผมในแผ่นกระดาษโน้ตเพลงแล้วมีข้อความว่า โชคดี ขอให้ประสบความสำเร็จ เพื่อเราจะได้ไม่ลืมกัน ซึ่งผมประทับใจประโยค จะได้ไม่ลืมกันมาก เพราะเนื้อหาของเพลงนี้ ท่อนสุดท้ายพูดว่า.. เผื่อวันสุดท้ายที่ฉันหายใจ... จะได้ไม่ลืมเธอ ซึ่งอารมณ์เพลง และประโยคเด็ดนี้ตรงกับหนังมากๆ เลยขออนุญาติเอามาใช้เป็นชื่อเพลง จะได้ไม่ลืมกัน ประกอบภาพยนตร์รัก เรื่องนี้ครับ
สำหรับแฟนเพลงของซูเปอร์สตาร์ เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ เตรียมดาวน์โหลดเพลง จะได้ไม่ลืมกัน ได้ที่ *4969 อัลบั้ม 10 เริ่มสัปดาห์หน้า 21 ม.ค.นี้