สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   

ดรีมทีม ฮีโร่ฟันน้ำนม

  (การนำข่าวไปตีพิมพ์ต่อ) 15 มกราคม 2551 (อัพเดท 8 มีนาคม)
  trailer        เรื่องย่อ และเบื้องหลัง
 

แคแร็คเตอร์นักแสดง

โค้ชเบิร์ด  รับบทโดย  เกียรติ  กิจเจริญ (กิ๊ก) อนุบาลเรียนที่ : อนุบาลสมถวิล พระโขนง


“โค้ชเบิร์ด” มีอาชีพเป็นโค้ชฟุตบอล เป็นโค้ชฟุตบอลกีฬาสุดฮิปอยู่แท้ๆ จู่วันหนึ่งก็ถูกชวน แกม (แม่) บังคับให้มาอยู่ในตำแหน่ง โค้ชชักเย่อเด็กอนุบาล ที่ใครๆ ก็มาฝากความหวัง และความกดดันให้ชีวิตที่เคยสงบสุขของโค้ชเบิร์ดก็เริ่มเปลี่ยนไป เพราะความแสบแสนซนของเหล่าบรรดาเด็ก ๆ และผู้ปกครอง

กิ๊ก – เกียรติ กิจเจริญ ให้คำจำกัดความหนังเรื่อง “ดรีมทีม” ได้อย่างน่าสนใจว่า  "เป็นหนังเด็กอย่างเดียวมันก็ไม่เชิงนะ มันเกี่ยวกับความใฝ่ฝันของเด็ก ความต้องการของเด็กที่จะแข่งขัน สุดท้ายกลายเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ความคิดมันเริ่มต้นจากเด็ก สุดท้ายหนังก็บอกว่า เด็กเขาก็ทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อแม่แฮปปี้ บางทีคนที่กดดันน่าจะเป็นพ่อแม่มากกว่า เด็กกับผู้ใหญ่แยกกันไม่ออกหรอก มันเป็นครอบครัว เป็นความสัมพันธ์ที่แยกกันไม่ออก สุดท้ายก็เป็นหนังครอบครัว คือดูกันทั้งครอบครัว ตั้งแต่ปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอาลุง พ่อแม่ดูก็ได้คิดอย่างหนึ่ง เด็กดูก็เฮฮาไป วัยรุ่นดูก็เห็นความกวนของนักแสดงเด็ก เวลาเด็กๆ แข่งขันกีฬา เขาแค่อยากอยู่ในทีม เรื่องอยากชนะ คงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของเด็ก แต่พ่อแม่หลายๆ คนก็หลายๆแบบ”

“สิ่งที่พี่สนใจแรกเริ่มในหนังเรื่องนี้ คือ การเล่นกับเด็กๆ พี่ก็อยากรู้ว่า จะเล่นยังไงกับเด็ก 10 คน พี่ก็รู้สึกได้ว่า มันคงยากจริงๆ กำกับฯ เด็กก็ยากอยู่แล้ว ยิ่งใช้เด็กอนุบาลจริงๆ แต่มันก็ได้เด็กอีกแบบ ได้ความรู้สึกจริงๆ ของเขา มีเรื่องสนุกทุกวัน ตั้งแต่วันแรก ปกติพี่ชอบเด็ก แต่เยอะขนาดนี้ไม่ไหว (หัวเราะ) เจอวันแรกมันก็ต่อยไข่แล้ว” กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ เผยความรู้สึก เมื่อพบ “ดรีมทีม”

คำถามสุดท้าย พี่กิ๊กชอบเด็กคนไหน มากสุด?
เอาเกลียดสุดได้มั้ย ??? (หัวเราะ)”

ชื่อ เกียรติ กิจเจริญ (กิ๊ก)                                         วันเกิด 22 กันยายน 2506
การศึกษา : ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2524
ประวัติการทำงาน :  เป็นที่รู้จักในชื่อ “ซูโม่กิ๊ก” จาก “เพชรฆาตความเครียด” มีผลงานแสดงภาพยนตร์มากมาย ยุค กลิ่นสีและกาวแป้ง, บุญชู ทุกๆ ภาค, บ้านผีปอบ และยังได้รับบทพระเอกเต็มตัวในภาพยนตร์ไทยเรื่อง ผลุบโผล่ และ ฉลุย โครงการ 2 นับรวม ๆ แล้วมีผลงานแสดงภาพยนตร์หลายสิบเรื่อง ได้ร่วมงานกับ เรียว กิตติกร ผู้กำกับภาพยนตร์ เป็นเรื่องที่สอง ต่อจาก “เมล์นรก หมวยยกล้อ”
ปัจจุบัน : ก่อตั้งและเป็นผู้บริหาร บริษัท ทริปเปิ้ล ทู จำกัด พิธีกรรายการ วันวานยังหวานอยู่, คันปาก

ครูหนูเล็ก รับบทโดย ศกลรัตน์  วรอุไร (โฟร์) อนุบาลก็เคยเรียน : โรงเรียนอนุบาลลาซาล

ครูอนุบาลสาวสวย ประจำชั้น อนุบาล 3 อายุสักประมาณ 23 ปี  คล่องแคล่วว่องไว มั่นใจ มุ่งมั่น ตั้งใจ จริงใจ พูดตรงๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ยอมแพ้อุปสรรค ผจญปัญหาทุกรุ่น ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก ยันรุ่นใหญ่

“โฟร์เจอ คาร์บิว คนแรก วันแรกเจอคนเดียว เออ... น่ารักดีนะ ไม่ดื้อ ยิ้มน่ารัก พอเจอ เซน 1 ตัวอ้วน น่ารักดีเนอะ พอเจอ 10 คนพร้อมกันปุ๊บ แล้วไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เราก็นั่งดูว่า เด็กแต่ละคนเป็นยังไง เราก็นั่งดูเด็ก แป๊บหนึ่ง หันไปถามพี่ทีมงาน แล้วจะเล่นได้หรือเนี้ย (หัวเราะ)
ตอนแรกเราก็แกล้งเด็ก พอตอนหลังๆ ทีมงานให้โฟร์วางฟอร์มว่า เป็นครู ให้นิ่งๆ อย่าไปเล่นกับเด็กมาก เด็กจะไม่กลัว โฟร์ก็ทำตัวนิ่งๆ แต่ตอนนี้ ท่าทางจะโดนเด็กแกล้ง หลังๆ เด็กๆไม่กลัวแล้ว 

ฉากที่อุ้มน้องมาชิ น้องร้องไห้เพราะหลับอยู่แล้วไปปลุกมา ก็เลยร้องไห้ บวกกับไม่ยอมให้โฟร์อุ้ม ใครมาให้อุ้มหมด ยกเว้นโฟร์ แม่บอกเขาเขินผู้หญิงสวย เราก็เลยไม่รู้ว่า เราสวยหรือเด็กเกลียด  (ฮ่า) แล้วโฟร์ก็อุ้มเด็กไม่ค่อยเป็น ไม่เคยมีหลาน ไม่ค่อยได้อุ้ม แล้วต้องอุ้มมือเดียวเลยนะ เกร็งแขนมาก ปวดแขนเลย

เรื่องนี้เป็นหนังที่ไม่ใช่ดูได้เฉพาะแค่เด็กกับพ่อแม่ แต่วัยรุ่นก็ดูได้ เป็นหนังตลกแนวสะอาด ใสๆ สนุกๆ ดูสบายๆ แบบอิ่มๆ โฟร์ว่าน่าดูมากนะ แบบเด็ก 5 ขวบจะเล่นได้เหรอ???”

ชื่อ          ศกลรัตน์ วรอุไร (โฟร์)
วันเกิด    25 ตุลาคม 2529 น้ำหนัก 39-40 กก.              ส่วนสูง 165 ซม.
พี่น้อง      พี่สาว 2คน พี่ชาย1 คน 
ผลงาน     ออกอัลบั้มเพลงในชื่อ วงดูโอ้ “โฟร์-มด”
ปัจจุบันเรียนที่ มหาวิทยาลัยรังสิต คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชา การประชาสัมพันธ์ ปี 2
สัตว์เลี้ยง             สุนัขชื่อ Money

“น้องหัวแก้ว” รับบทโดย ด.ช. กฤษฎา ชนะภัยเจริญสุข (น้องคาร์บิว) 
อัมรินทร์ นิติพน (อ่ำ) รับบท “ขวด” พ่อน้องหัวแก้ว

เด็กชายอนุบาล 3 ขี้โรควัย 5 ขวบ รูปร่างผอม ดูอ่อนแอ ประกอบกับตัวเล็ก หน้าตาใสซื่อเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีคุณพ่อเป็นหนุ่มยุคใหม่ ทำงานเลี้ยงลูกเพียงลำพัง อยากให้ “หัวแก้ว” สุขภาพแข็งแรง และมีสังคมกับเพื่อน จึงหนุนสุดตัว ให้หัวแก้วได้เล่นกีฬา 

“เป็นพ่อยุคใหม่ ที่ต้องทำงานและดูแลลูกชายเอง แต่ลูกชายก็ไม่ค่อยแข็งแรง เราก็เลยทั้งผลักทั้งดัน สนับสนุนเต็มที่อยากให้ลูกเล่นกีฬา    

ลูกชายผม หน้าเหมือนอาแปะ ออกจีนๆ หน่อย ในเรื่องชื่อ หัวแก้ว แต่ตัวจริงชื่อ คาร์บิว เจอกันวันแรกก็แปลกใจ น้องคาร์บิวเป็นเด็ก 5 ขวบที่เก่งนะ เล่นได้ขนาดนี้ รู้จักการพูด ทำตามผู้กำกับฯ ทั้งๆที่เด็กวัยนี้ น่าจะเอาแต่เล่น เด็กๆ ดรีมทีมน่ะครับ เก่งกันทุกคนเลย”

หลังจากทำงานกับเด็ก “ดรีมทีม” อ่ำอยากบอกอะไร?
“อยากบอกว่า มีลูกสาวดีกว่าครับ (หัวเราะ) เด็กผู้ชายซนมากครับ”

ด.ช. กฤษฎา ชนะภัยเจริญสุข (น้องคาร์บิว) รับบท หัวแก้ว
วันเกิด     3 พ.ค. 2545                             อายุ 5 ขวบ 
การศึกษา                 อนุบาล 3                 ชื่นชอบ : หุ่นยนต์ / การ์ตูน                   
ความสามารถพิเศษ : ชอบเต้น
อาหารโปรด            ข้าวผัด, ไข่เจียว      กีฬาโปรด  ฟุตบอล

ตี๋เล็ก น้องคนสุดท้องของบ้าน นิสัยขี้น้อยใจ อารมณ์ติสต์นิดๆ ชอบปลีกวิเวก มีโลกส่วนตัว วาดรูป ระบายสีอยู่เงียบๆ ไม้เด็ดอยู่ที่ทำตาเศร้านิ่งๆ หงอยๆ ดูน่าสงสารเป็นที่สุด ยามว่างชอบขี่จักรยาน ฮีโร่สุดโปรด คือ เบน 10

แต่หนูน้อย คาร์บิว ใส่วิญญาณนักแสดงได้เมื่อได้ยินเสียงสั่งแอ็คชั่นของผู้กำกับฯ ปัญหาเดียว คือ อย่าให้คาร์บิวต้องนั่งตำแหน่ง ที่โหล่ สุดท้ายของทีม เพราะคาร์บิวพาลจะไม่ยอมแสดง ทำคอตก ทิ้งตัวนิ่ง ออกอารมณ์เศร้าจริงๆ จนต้องป่วนไปทั้งกองถ่าย ทีมงานต้องหาทางอธิบายให้คาร์บิวเข้าใจ

คาร์บิว เป็นเด็กอ้อนแม่ ติดแม่มาก พลังการแสดงแต่ละวันขึ้นอยู่กับว่า แม่มากองถ่ายหรือเปล่า?? และพลังการแสดงจะเพิ่มเป็นพิเศษ ถ้าวันนั้น นอกจาก แม่มาแล้วยังมี เหลาอี้ อาม่า มาเชียร์ด้วย (555)

 

“เป๊ะ” รับบทโดย ด.ช. ธนทัต ขวัญไสวธรรม (น้องเป๊ะ)  และ ภัทรวรินทร์ ทิมกุล (เม) รับบท แม่น้องเป๊ะ

เด็กชายอนุบาล 3 วัย 5 ขวบ เป็นตัวของตัวเองสูง ติดทีวี ดูเผินๆ เป็นเด็กแสบจอมซน  แต่เพราะ เป๊ะอยู่กับคุณแม่ที่ทำงานยุ่ง และต้องดูแลเป๊ะเพียงลำพัง แม่จึงไม่ค่อยมีเวลาให้ จริงๆ แล้ว ในขณะที่ทุกคนลุ้นผลแพ้ชนะ แต่เป๊ะกลับลุ้นสุดใจว่า แม่จะว่าง มาดู เป๊ะแข่งชักเย่อบ้างมั้ยนะ???

 

“เป็นคุณแม่ทำงานน่ะค่ะ Working Woman ผู้หญิงทั่วไป ไม่มีสามีมาคอยดูแลแล้วก็เลยต้องตั้งใจทำงาน เพื่อลูก
เป๊ะเค้าเป็นเด็กที่แสดงได้เป็นธรรมชาติมาก คือเค้าจะไม่ห่วงกล้อง เป็นธรรมชาติมากๆ แล้วเราเล่นกับเค้าจะมีความสุข เค้ามีเกร็งๆ บ้าง ลืมบ้าง แต่ช่วยกัน เด็กเค้าเล่นด้วยความรู้สึกและเค้าคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง



มีซีนหนักๆ เป๊ะจะกลัวไปเลย เพราะไปดุเค้า ซึ่งเรื่องนี้เราผิดเอง เพราะว่าตอนที่ซ้อมเราไม่ได้เล่นจริง แต่พอ 5 4 3 2 แล้วเล่นจริง เค้าก็ตกใจร้องไห้ไปเลย ลืมคิดไปว่าเค้ายังเป็นเด็ก เราชินกับการเล่นกับผู้ใหญ่ แต่นี่เด็ก แล้วยังไม่เคยเล่นหนังมาก่อนด้วย น้องเค้าก็ตกใจร้องไห้เลย
เมโชคดีที่ทำงานเรื่องนี้เจอกับเป๊ะแค่คนเดียว แต่ถ้าต้องเจอ เป๊ะ 10 คนนี่คงไม่ไหว คือถ้าเจอเด็ก 2 คน คนหนึ่งซน คนนึงไม่ซนน่ะ โอเค แต่ถ้ามา 10 คน ซนพร้อมกันน่ะ ตาย...”

ด.ช. ธนทัต ขวัญไสวธรรม (น้องเป๊ะ) รับบท เป๊ะ

วันเกิด     12 มิ.ย. 2545                                           อายุ 5 ขวบ                              การศึกษา : อนุบาล 3              
ส่วนสูง    110 ซม.                                                  น้ำหนัก 19 กก.
ชื่นชอบ: การ์ตูน / ฟุตบอล                     อาหารโปรด : ผัดสะตอ 
แรกเห็น ใครๆ ก็ยอมแพ้ความซน แต่หลังถ่ายทำไปไม่กี่คิว เป๊ะเป็นนักแสดงที่แก๊งส์ผู้ใหญ่ ต่างยกนิ้วให้ พร้อมตั้งฉายาว่า “เป๊ะเทคเดียว” เพราะเล่นได้แนบเนียนมาก
ของโปรดคือ ลูกอมฮอลล์รสน้ำผึ้ง (ไม่ต้องแปลกใจที่ฟันหลอ) ชอบที่สุดคือ เล่นเกมส์ เป๊ะยังเป็นเด็ก 5 ขวบที่ทีมงานและนักแสดงร่วมต่างยกนิ้วให้กับความอึด เพราะไม่ว่าจะดึกดื่น เที่ยงคืน ถ่ายคิวดึกแค่ไหน เป๊ะก็ไม่เคยบ่นว่า ง่วงนอน เพราะนั่งตาใสอยู่หน้าจอคอมฯ เล่นเกมส์ รอเข้าฉากต่อไป แถมเล่นจริง ร้องไห้จริง เพราะกลัวแม่ (ในหนัง) จริงๆ

เป๊ะยังเป็นเจ้าของเพลงฮิต ประจำกองถ่าย เพลง “เด็กมีปัญหา” ของโฟร์-มด ที่เป๊ะจะวิ่งมาร้องเพลงนี้ เต้นยั่ว โฟร์ ศกลรัตน์ เจ้าของเพลงตัวจริงฟังให้ฟังเสมอๆ
เป๊ะเคยถามแม่ว่า “ขอเป๊ะลาออกจากโรงเรียนอนุบาลเดิมมาเรียนโรงเรียนอนุบาลRSได้ไหม??”

“เซน 1” รับบทโดย ด.ช. สรรภวัต สุระเกรียงศักดิ์ (น้องเซน 1) และ จิ๊ก - เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ รับบท คุณแม่น้องเซน 1  


เด็กชายอนุบาล 3 ตัวอ้วนสุด ตัวตันตัน หน้าตาเป็นเสือยิ้มยาก สีหน้าไม่บอกอารมณ์ บ้าพลัง เป็นลูกชายเจ้ร้านทอง พลังที่มีในตัวอยู่มาก จึงมีความมุ่งมั่นที่จะแข่งขันกีฬาเต็มเปี่ยม มีความน่ารักที่มาพร้อมกับความกลมกลึงของรูปร่าง แถมคุณแม่ผลักดันสุดฤทธิ์ ให้เซน 1 เป็นหัวหน้าทีม  

“เป็นคุณแม่น้องเซน 1 ลูกพี่อ้วน น่ารักสุดๆ ค่ะ เค้าเป็นเด็กแปลกมาก คือหน้าตาเนี่ยไม่บอกอารมณ์เลย หน้าเดียวหมด อารมณ์เดียวหมด อย่างวันหนึ่งเล่นๆ อยู่ ขี้ราดยังไม่มีใครรู้เลย ไม่บอกใคร แต่เค้าเป็นสไตล์น่ารักๆ นะ แต่ละคนจะน่ารักไม่เหมือนกัน ลูกเซน 1 ของพี่เนี้ย น่ารักสุดๆ

เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของแม่อย่างพี่ คือจะดันให้ลูกเกิดตลอดเวลา อยากให้ลูกได้ดี มีความปรารถนาดีกับลูก อยากให้ลูกอยู่โรงเรียนแล้วเด่นๆ น่ะ อยากให้เป็นดาว แล้วลูกก็น่ารักสุดๆ ด้วย

พี่ก็คอยประจบครูบาอาจารย์บ่อยๆ ว่า เอ๊!!... ลูกเราเก่งขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ให้อยู่ข้างหน้า ทำไมไม่ให้เป็นหัวหน้าทีม แถมต้องสู้รบปรบมือกับผู้ปกครองคนอื่นๆหน่อยหนึ่ง ชิงดีชิงเด่นกันน่ะ เพราะพ่อ-แม่ทุกคนก็รักลูกตัวเอง อยากให้ลูกของตัวเอง

เด่นน่ะ อยากโชว์ออฟว่าลูกเราเก่ง ลูกเราน่ารักน่ะ เลี้ยงง่าย พอกินข้าวเสร็จแล้วก็ยืนอิ่มแบบว่าจะหลับ ตื่นมากองถ่ายแต่เช้า 6 โมง เด็กอ้วน แบตฯในตัวก็จะหมด ขนาดกางเกงหลุดยังยืนจับไว้มือหนึ่ง ขำมาก”

ด.ช. สรรภวัต สุระเกรียงศักดิ์ (น้องเซน1) รับบท เซน 1

อายุ 5 ขวบ       การศึกษา อนุบาล 3     ส่วนสูง 137 ซม.     น้ำหนัก 32 กก.!!
ชื่นชอบ : ไรเดอร์บูล     งานอดิเรก : ว่ายน้ำ / เป่าเมโลเดี้ยน       อาหารโปรด  ข้าวเหนียวหมูปิ้ง  

คนนี้เด็ดสุด อ้วนจ้ำม่ำ น่ารักน่าหยิก แต่เป็นหนุ่มยิ้มยากประจำกองถ่าย ยิ่งถ้าใครไม่สนิทอย่าหวังว่า จะคุยด้วยง่ายๆ  แต่ถ้าสนิทก็มีสิทธิ์ได้เห็นรอยยิ้ม ที่ชวนให้งงว่า ลืมตา หรือ หลับตาอยู่
คิวแรกที่มาถ่ายทำ เซน 1 เรียก “เรียว” ผู้กำกับฯว่า “ลุงเรอ” อย่างไม่มีเหตุผล ทำให้เด็กๆดรีมทีม พากันเรียก “ลุงเรอ” ตามเซน 1 กันหมด (นิสัยเรียกชื่อคนเพี้ยนๆนี้

อาจจะเป็นกรรมพันธุ์จากหม่าม้าในเรื่องเพราะพี่จิ๊กก็เรียก “เรียว”แบบเบี้ยวๆตามใจฉันว่า “อาเดียว”)
เซน 1 ได้ตำแหน่งมนุษย์เจ้าปัญหาไปครอง เพราะไม่ว่าจะถ่ายอะไร ต้องเล่นแบบไหน มีคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่จะไม่ยอมให้ความสงสัยวนเวียนอยู่ในหัว จะต้องซักจนกว่าจะรู้เรื่อง แต่เมื่อมีไดอาล็อกให้คุย นักแสดงหุ่นอวบคนนี้ จะท่องบทจนขึ้นใจ และเล่นตามบทได้อย่างน่ารักเป๊ะ!! เมื่อถามถึงความประทับใจ “เซน 1” ตอบอย่าง น่ารัก สมตัว ว่า “หมูก้อนทอด กับพะโล้น่องไก่ กองถ่ายอร่อยมากครับ”

“ภูมิ” รับบทโดย ด.ช. ภูริ สรีระศาสตร์ (น้องภูมิ) 


รูปร่างผอมบาง และบุคลิกช่างคิด หน้าตาเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ภูมิเป็นอีสุกอีใส จนกระทั่งมีเพื่อนมาบอกว่า ภูมิเป็นเอดส์ ภูมิก็เชื่อเพื่อนเสียสนิทใจ ภูมิมีพ่อ-แม่ที่ชอบเถียงกันตลอดเวลา

ศรีพรรณ บุนนาค รับบท แม่น้องภูมิ อนุบาลเรียนที่ : อนุบาลจุไรรัตน์
“เรื่องนี้ต้องบอกก่อนว่า น้องภูมิเป็นลูกที่อ้นเคยอุ้มท้องไว้ ในหนังเรื่อง “เมล์นรก หมวยยกล้อ” คลอดออกมาเลยเป็น น้องภูมิ (ฮ่า) ลูกชาย เรียบร้อย น่ารักมาก แต่พ่อแม่ก็ยังทะเลาะกันตลอด  กับสามี (ในจอ) พี่ซ้งธ์ คนเดิมนี่ล่ะ
ถ่ายหนังเรื่องนี้ ปวดหัวมาก ต้องกินพาราเซตามอลตลอดเวลา เพราะมันต้องตะโกนๆ ตลอด  แต่ชอบมาก มองไปทางไหนมีแต่เด็กๆๆ รักเด็กคะ (ฮา)”

ซ้งธ์ ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์ รับบท พ่อน้องภูมิ  อนุบาลเรียนที่ : อนุบาลศรีอรัญโยทัย อ.อรัญประเทศ

“ลูกชายเป็นอีสุกอีใส แต่เพื่อนหาว่าเป็นเอดส์ ลูกไม่น่ามีพ่อแม่อย่างนี้เลย (หัวเราะ) ลูกเขาดีชั้นหนึ่ง พอดีวันนั้น เมียไม่มา ผัวเลยต้องไปทะเลาะที่โรงเรียน
มาเห็นเรื่องราวในหนัง “ดรีมทีม” เรายังคิด เออ... คิดได้ไง จริงๆ เรายังอยากทำหนังเด็ก พอเห็นเพื่อนได้ทำเราดีใจมากเลย แต่เขาคงทำเรื่องนี้เรื่องเดียวแล้วไม่ทำอีกแล้วล่ะหนังเด็ก (ฮา) เด็ก สัตว์ สลิง มันผจญภัยกับเด็ก เจอมันทุกวัน โดนเด็กรุมทุกวัน”

ด.ช. ภูริ สรีระศาสตร์ (น้องภูมิ) รับบท  ภูมิ
วันเกิด 19 มิ.ย. 2544    อนุบาล 3                 ส่วนสูง 122 ซม.     น้ำหนัก 19 กก.
ผลงาน ช่วงดันดารา ตีสิบ        โปรดปราน : อุลตร้าแมน/ไอ้มดแดง อาหารโปรด ต้มหน่อไม้/ผัดเห็ด 
ความสามารถพิเศษ : จำป้ายจราจร/ธงชาติ/นับเลขภาษาอังกฤษ
6 ขวบฉลาดเกินตัวระดับ อนุบาล 3 แต่ภูมิท่องสูตรคูณได้ครบทุกแม่ บวกลบเลขได้เกิน 3 หลัก พูดจาเข้าใจ เรียบร้อยมาก ภูมิเป็นคนคอยควบคุมเพื่อนๆ ให้อยู่ในความสงบ แต่อยู่ที่ว่า ใครจะเชื่อหรือเปล่า(ฮ่า) ภูมิ อินกับบทบาทหายห่วง แค่ทีมงานแต่งเอฟเฟ็คท์ให้เป็นอีสุกอีใส ภูมิก็อินจนเสียน้ำตา น้อยอกน้อยใจในโชคชะตา ที่ตัวเองหล่อน้อยกว่าเพื่อน แต่ภูมิก็อดกลั้นน้ำตาได้ พร้อมกับบอกเพื่อนๆ ทุกคนที่มาปลอบว่า ไม่ต้องปลอบเขามาก เพราะ “เราร้องไห้แค่นิดเดียว ไม่เป็นอะไรมาก”
ภูมิ เป็นคนที่ทำให้ อ้น ศรีพรรณ ซึ้งกับคำว่า “แม่” เพราะ ภูมิเรียกอ้น ศรีพรรณ ว่า “แม่อ้น” ทุกคำ 

เซน 2 (ด.ช. ธนกร เมธาวุฒิกีรติ  - น้องเซนต์ 2) และ คมสัน นันทจิต รับบท ด็อกเตอร์ (คุณพ่อ น้องเซน 2)


หน้าตาน่ารัก อินเทรน แนวพระเอกเกาหลี คุณพ่อด็อกเตอร์ พยายามสอนว่า เซน2 ต้องเก่งเป็นที่หนึ่ง แพ้ไม่ได้ อนุบาลเรียนที่ : อนุบาลสุวรรณินวิทยา

“เล่นเป็นพ่อของเซน 2 ครับ เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็น ดร. เป็นคนมีฐานะ เรียนเก่ง ปริญญาเอก ลูกแพ้ไม่ได้ เล่นกีฬามีแต่ชนะห้ามแพ้ เพราะเราคำนวณมาแล้วว่า มันชนะได้
ตอนเห็นหน้าลูกก็ตกใจ น่ารัก หน้าเหมือนกันมาก เซนต์ 2 น้องเขาเป็นคนว่าง่าย เป็นเด็กฉลาด วันแรกที่เข้าฉากด้วยกัน เขาท่องบทมาหมดแล้ว ท่องได้จริงๆ นี่ เซนต์ 2 ครับ อย่าไปเปรียบกับลูกพี่จิ๊กครับ คนละทาง (หัวเราะหึๆ) ลูกผมมันน่ารัก
ส่วนตัวผม ไม่ชอบเด็กครับ สิ่งมีชีวิตที่คาดเดาไม่ได้ ไม่ชอบเลยครับ ผมแพ้คลื่นเสียงความถี่สูง เด็กอยู่กันเยอะๆ มันจะเป็นการกระจายเสียงที่ไร้ทิศทาง จอแจ ผมชอบแต่สิ่งไม่มีชีวิต ยกเว้นผู้หญิง” (หัวเราะกิ๊กกั๊ก)

ด.ช.ธนกร เมธาวุฒิกีรติ (น้องเซนต์ 2)  รับบท เซน 2
วันเกิด 15 มี.ค. 2545               ส่วนสูง 111 ซม.     น้ำหนัก 19 กก.                       อาหารโปรด ไข่เจียว
โปรดปราน ไอ้มดแดง            งานอดิเรก เล่นเปียโน      สัตว์เลี้ยง : สุนัข    
ไม่ว่าใครจะสั่งอะไร เซนต์ 2 ก็จะเข้าใจง่ายจนทำให้ทีมงานเบาใจ ยกเว้นเฉพาะเวลาที่มีเพื่อนๆ นำขบวน เซนต์ 2 ก็มีเผลอไผลบ้าง ไม้ตายที่เซนต์ 2 ยอมแพ้คือ คุณแม่ เพราะคุณแม่ฝากฝังทีมงานไว้เลยว่า ตีได้เลย  
เซนต์ 2 เป็นเด็กกระตือรือร้น พูดเก่ง แต่พูดเป็นประโยคบอกเล่าล้วนๆ ไม่มีคำถาม และไม่ต้องการคำตอบ เซนต์ 2 ต้องการแค่ให้คนยอมฟัง หรือ ดูเขาเล่นกลไปเรื่อยๆ กระซิบให้ว่า เซนต์ 2 เล่นกลเก่งมากอย่างไม่น่าเชื่อ
เซนต์ 2 ชอบมาถ่ายหนังมาก วันไหนมากองถ่ายเซนต์ 2 จะตื่นเองได้แต่เช้า แต่เวลาใครถาม มากองถ่ายเล่นอะไรจะ เซนต์ 2 จะบอกว่า “มาเล่นชักเย่อ” ส่วนของโปรด ใช้หลอกล่อเซนต์ 2 คือ ข้าวเหนียวหมูฝอย เจ้าประจำ

“อะตอม” (ด.ช. ธนพล บุญเจริญสุข - น้องตี่ตี๋)




หนุ่มน้อย หล่อน่ารัก แต่ตื่นเต้นทีไรเป็นปวดอึ ต้องพกกางเกงสำรองติดตัวไว้เสมอ คุณพ่อเสียงหล่อของอะตอม ก็ชอบเตรียมกางเกงแดงไว้ให้อยู่เรื่อย

เอกราช เก่งทุกทาง รับบท คุณพ่อน้องอะตอม
โรงเรียนอนุบาลไม่รู้ รู้แต่เชียร์ลิเวอร์พูล
“รับเล่น ก็เป็นเพราะได้เล่นกับเด็กๆ เป็นคนรักเด็ก (หัวเราะ)
คิดว่าเรียวเค้าคงจะทำหนังที่แบบว่ามีสาระๆ ครับ (หัวเราะ) คือมีอารมณ์ขัน แต่ก็มีธีมของความมีคุณค่าของชีวิต คุณค่าของชัยชนะว่าชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชนะเสมอไป แล้วก็มันเป็นเรื่องของครอบครัว
น้องตี่ตี๋หรือน้องอะตอมในเรื่องเนี่ย ซนมาก!! (หัวเราะ) คือธรรมดาของเด็กเนี่ยเค้าก็คือจะไม่ค่อยอยู่นิ่ง แป๊ปๆ ก็ไปโน่นไปนี่แล้ว เวลาสั่งคัทก็ไปเล่นดินเล่นทราย เป็นเด็กที่ Alert มาก แต่ตี่ตี๋เนี่ยเค้าก็มีความตั้งใจอยู่นะ ซึ่งดูแล้วเป็นธรรมชาติดี ตี่ตี๋เค้าเป็นอะไรที่น่ารัก
ชอบทุกคนนะน่ารักทุกคนแหละ แต่ผมว่าเด็กดรีมทีมกลุ่มนี้เนี่ยซนนะ แล้วก็มีความเป็นตัวของตัวเองทุกคนเลย มากองถ่ายแล้ว ปวดหัวแทนผู้กำกับฯ คือเด็กมันซน!! พอมาเล่นหนังเรื่องนี้แล้วอยากมีลูกเลย” (หัวเราะ)

ด.ช. ธนพล บุญเจริญสุข (น้องตี่ตี๋) รับบท อะตอม
วันเกิด 11 มิ.ย. 2545        อนุบาล 3                 ส่วนสูง 110 ซม.     น้ำหนัก  22 กก.
อาหารโปรด  ข้าวมันไก่          นิสัย ร่าเริงมาก ช่างพูด ชอบอ่านหนังสือ
หนูน้อยอารมณ์ดี ซน แก่น ไปวันๆ แต่ต้องมารับบทหนัก (หนักอย่างเดียว ไม่เบา) เพราะตามบท ตี่ตี๋ต้องอึราดกลางสนามซ้อม ต้องโดนเพื่อนล้อ แซว เรื่องอึราด จนได้ฉายาว่า“อะตอมขี้แตก” แต่ตัวจริง ตี่ตี๋กลับเฉยชากับเสียงล้อเลียนมาก ทำหน้านิ่งๆ ไม่สะท้านกับการโดนแซว
เช่นเดียวกับ ฉากแก้ผ้าให้คุณพ่อเอกราชใส่กางเกงให้ ตี่ตี๋ก็ยังสงบเชิดหน้าไม่สะทกสะท้าน แต่หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่า แก้มตี่ตี๋แดงแจ้ด เพราะความเขิน งานนี้ทุกคนเลยลงความเห็นว่า “จริงๆ ตี่ตี๋น่ะ อาย แต่ฟอร์มจัด”
วันแรกที่ตี่ตี๋ รู้ว่า ตัวเองรับบทเด็กอึราด ตี่ตี๋ร้องไห้ไม่ยอมแสดง เกิดเป็นปมปัญหาที่ต้องยอมพักกองถ่าย เพื่อปรับความเข้าใจ และให้ตี่ตี๋ทำใจได้ ถึงจะถ่ายทำต่อได้

ด.ช. ศุภโชติ รัชวรพงศ์ (น้องริชชี่) รับบท ริชชี่ - หัวหน้าทีม “ดรีมทีม”        

วันเกิด 22 ก.พ. 2545
อนุบาล 3
นิสัย  สนุกสนาน ร่าเริง 
ส่วนสูง 120 ซม.  น้ำหนัก  19 กก.
พี่น้อง 2 คน
อาหารโปรด  ผัดผักบร็อคโครี่กับกุ้ง
งานอดิเรก ต่อเลโก้ ร้องเพลง อ่านหนังสือ  

หัวหน้าทีมของดรีมทีม รูปหล่อประจำทีม ริชชี่เป็นเด็กน่ารัก ว่าง่าย ชอบมีคำอธิบายประหลาดๆให้เพื่อน เช่น สเตเดี้ยม เป็นคนอธิบายให้เพื่อนฟังว่า สเตเดี้ยม คือ “สยาม” กีฬาในร่ม (555) ความรู้รอบตัวเยอะ ชอบอ่านหนังสือ มีความเป็นลูกผู้ชาย แมนมาก สมกับเป็นหัวหน้าทีม        วันที่ถ่ายทำฉากแข่งขันกีฬาอนุบาลแห่งชาติ ที่ ม.ธรรมศาสตร์ แล้วทีม “ดรีมทีม” แพ้ ทีม “ม้าไม้” และทีม “จอมพลัง” ริชชี่ถึงกับร้องไห้จริงๆ จนถูกพี่กิ๊กแซวว่า “นี่ถ่ายหนังนะ ริชชี่อินเกินไปรึป่าว แพ้ในหนังไม่ต้องร้องไห้”

ด.ช. อัจฉริยะ อุปการดี  (น้องสตางค์) รับบท สตางค์

วันเกิด  21 ก.พ.2544 
อนุบาล 3
ส่วนสูง 115 ซม.     น้ำหนัก  21 กก.
ความสามารถพิเศษ                 ร้องเพลงลูกทุ่ง
อาหารที่ชอบ           ข้าวไข่เจียว
หนุ่มน้อยหน้าคมเชื้อสายหนุ่มใต้ สตางค์เป็นเด็กตั้งใจ มีความพยายามสูง แต่เป็นมนุษย์เหตุผล ทำนั่นไม่ได้ เพราะอย่างนี้นะ สตางค์เชื่อมั่น ว่า ตัวเองเก่ง เรียบร้อย พูดจาเหมือนผู้ใหญ่ บุคลิกนิ่ง สุขุมกว่าเพื่อนๆคนอื่น
สตางค์มีหน้าที่ขอลายเซ็นพี่โฟร์ ให้พี่ ๆ ที่บ้าน ซึ่งเป็นแฟนคลับพี่โฟร์ สตางค์ชื่นชอบรถไฟมาก เพราะคุณพ่อชอบพาไปดูรถไฟ จนสตางค์ใฝ่ฝันว่า โตขึ้นอยากเป็นวิศวกรรถไฟ     


ด.ช. พชธกร ธนพัฒนากุล (น้องจุ้ย) รับบท จุ้ย                                     
วันเกิด 12 มิ.ย. 2545              อนุบาล 3        นิสัย  ร่าเริง ชอบหัวเราะ แรงเยอะ บ้าพลัง
ส่วนสูง 110 ซม.                     น้ำหนัก 27 กก.       โปรดปราน การ์ตูน
อาหารโปรด            ข้าวเหนียวไก่ทอด 

น้องจุ้ยเข้ามาด้วยความโดดเด่นของหน้าตา ที่ดูไปดูมา จะได้อารมณ์คล้ายกำลังมอง “หลวงจีน” กำลังฝึกวิชาวัดเส้าหลิน (555) นิยามของจุ้ย คือ เป็นนักเลง บ้าพลัง แรงเยอะ กินเก่ง จุ้ยตัวจริงก็แข็งแรง พลังเยอะกว่าเพื่อน เป็นหน่วยกำลังสำคัญของดรีมทีม ในการออกแรงดึงเชือกแข่งชักเย่อ   

   

ด.ช. เจษฎาพร บุญสอน (น้องเจ็ส) รับบท เจ็ส     

วันเกิด  15 ต.ค. 2544     อนุบาล 3        นิสัย  ร่าเริง ยิ้มเก่ง  
มีฉายา  เจ็สชอบโชว์          พี่น้อง 3 คน     โปรดปราน การ์ตูน/สารคดี      อาหารโปรด   เนื้อปลา

เจ็สเป็นเด็กอนุบาล 3 ที่มีทักษะทางกีฬาสูง ในบรรดาเด็กอนุบาลกว่า 600 คน ที่ทีมงานคัดเลือก เจ็สเป็นคนเดียวที่ดึงเชือกชักเย่อถูกต้องโดยไม่มีใครสอน นั่นทำให้ เจ็สได้รับเลือกให้มาเป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญของ “ดรีมทีม”  
อุปนิสัยน่ารัก แมนๆ ดื้อเงียบ ฉายา เจ็สชอบโชว์ ยิ่งใครล้อ หรือร้องขอ “ขอดูหน่อย” เจ็สก็โชว์ “ช้างน้อย” ได้อย่างแมนๆ
เจ็สถามผู้กำกับฯ เสมอๆ ว่า เมื่อไรเจ็สจะมีบทพูด จนวันหนึ่งเมื่อ พี่เรียว ผู้กำกับฯ บอกว่า วันนี้ให้เจ็สพูดล่ะ เพียงประโยคเดียว เจ็สก็ตื่นเต้นมาก ท่องบทไม่หยุด ถามทีมงานไปทั่ว ทำไงดี?? ทำไงดี?? แต่พอถึงนาทีที่เจ็สรอคอยมาถึง ... เจ็สกลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำ!?!

 
   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.