แนวภาพยนตร์ ตลก / วัยรุ่น / ไซไฟ
บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัทดำเนินงานสร้าง บาแรมยู
อำนวยการสร้างบริหาร สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมงานสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว , สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์,
กำกับภาพยนตร์ ทวีวัฒน์ วันทา
บทภาพยนตร์ เกียรติ ศงสนันทน์ , ทวีวัฒน์ วันทา
กำกับภาพ เดชา ศรีมันตะ, สิทธิพงษ์ กองทอง
ออกแบบงานสร้าง ทวีวัฒน์ วันทา
ลำดับภาพ ลี ชาตะเมธีกุล
ออกแบบเสียง อุโฆษสตูดิโอ
ดนตรีประกอบ เผ่าพล เทพหัสดิน ณ อยุธยา (ต้าร์ บาร์บี้)
เทคนิคพิเศษด้านภาพ บริษัท ทริปเปิ้ลเอ็กซ์
นำแสดงโดย พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์ (ลีโอ พุฒ), พิมพาภรณ์ ลีนุตพงษ์ (ผิง), ณัฐวุฒิ ศรีหมอก (ฟักกลิ้ง ฮีโร่), จักรพงศ์ สิริริน ( สอง พาราด็อกซ์), ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์, สมเล็ก ศักดิกุล, ดลรส เดชะประทุมวัน
เรื่องย่อ
อสุจ๊าก (THE SPERM) เล่าเรื่องราวของ สุทิน (ลีโอ พุฒ) หนุ่มขายเสื้อผ้าย่านรามคำแหง เขาเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง ที่ฝันอยากจะมีชื่อเสียงและใฝ่ถึงนางแบบ-นางเอกสาวดาวรุ่งอย่าง แลมมี่ (ผิง-พิมพาภรณ์ ลีนุตพงษ์) ชีวิตของเขาอาจจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไปตามเรื่องกับวงดนตรีฮาร์ดคอร์ที่ก่อตั้งขึ้นกับเพื่อนสนิทอีก 3 คนอย่าง ประเสริฐ, สุรชัย และอนันต์ (ฟักกลิ้ง ฮีโร่ , สอง พาราด็อกซ์, ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์) ถ้าหากว่าเขาไม่บังเอิญไปเกิดเรื่องเสียก่อน
เรื่องที่ว่าก็คือ...อยู่มาวันหนึ่งได้เกิดเหตุประหลาดที่หญิงสาวทั่วทั้งกรุงเทพฯ เกิดตั้งครรภ์อย่างเร่งด่วนขึ้นมาภายในคืนเดียว และคลอดในอีกหนึ่งวันต่อมา ที่น่าประหลาดกว่านั้นก็คือ เด็กทุกคนที่เกิดมามีใบหน้าเหมือนสุทินหมด นอกจากนี้อัตราการเจริญเติบโตของเด็กเหล่านี้ยังรวดเร็วชนิดที่เพียงไม่กี่วัน ก็เติบโตเป็นเด็กรุ่นกระทงได้แล้ว ที่น่าสังเกตก็คือ เด็กเหล่านี้มีความคลั่งไคล้ในตัวแลมมี่ เช่นเดียวกับสุทินอีกด้วย
สุทินต้องออกสืบค้นเรื่องราวประหลาดนี้ เพราะดูเหมือนจะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก ด็อกเตอร์สติเฟื่อง (สมเล็ก ศักดิกุล) ที่ชอบนักกับการประดิษฐ์ทดลอง และดัดแปลงของแปลกประหลาด กับลูกสาวด็อกเตอร์คนเก่ง แสนซนและน่ารัก (ดลรส เดชะประทุมวัน)
เขาต้องหลบเลี่ยงจากการเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน และหนีการตามล่าจากทางการที่จะนำตัวเขามาสอบสวนข้อเท็จจริง ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องแปลงตัวเข้าร่วมงานคอนเสิร์ต OTOB (One Tambol One Band - หนึ่งตำบลหนึ่งวงดนตรี) เพื่อเข้าร่วมประกวดวงดนตรีตามที่เขาใฝ่ฝัน และช่วยเหลือนางในฝันอย่างแลมมี่ที่กำลังจะถูกคุกคามจากเด็กพันธุ์ประหลาดนี้โดยไม่รู้ตัวด้วย
เอาล่ะสิ...แล้วทีนี้สุทินจะทำยังไงต่อดีล่ะเนี่ย...จ๊ากกกกกกกกกกกกก
เปิดเผยเรื่องที่มา
หลังจากเปิดซิงสร้างเสียงฮากระจายมาแล้วกับหนังใหญ่เรื่องแรกอย่าง ขุนกระบี่ ผีระบาด เมื่อปลายปี 47 ที่ผ่านมา ต้นปี 50 นี้ ก็ถึงเวลาที่ คุ้ย-ทวีวัฒน์ วันทา ผู้กำกับหนังแหวกแนวเน้นความทะลึ่งทะเล้นที่เคยมีผลงานหนังสั้นมาแล้วหลากหลายเรื่อง จะปล่อยหนังเรตฮา อสุจ๊าก (THE SPERM) ผลงานการกำกับหนังใหญ่เรื่องที่ 2 ของเขา
เสียที
เรื่อง อสุจ๊าก ตอนแรกเรารู้แค่พล็อตเรื่องคร่าว ๆ นะครับ คือตอนนั้นไม่รู้ว่าใครกำกับหรือแสดงเลย คือตอนนั้นรู้แค่ว่าเป็นโปรเจ็กต์ ๆ หนึ่ง แล้วก็เมื่อฟังพล็อตเรื่องแล้วก็รู้สึกว่า หนังมันมีความยากแล้วก็ท้าทาย เราก็อยากรู้ว่าจะทำยังไง หนึ่งชื่อมันก็มีความล่อแหลมมาก ก็คือตอนที่เรารู้โปรเจ็กต์นี้ เราก็อยากดูนะ โดยที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นคนทำ เมื่อโจทย์นี้ยื่นมาหาเรา ให้เราทำเรื่อง อสุจ๊าก ก็เลยมาตีความว่า เราจะทำยังไงกับมันดี หนึ่งก็คือมันยากและล่อแหลม สังคมไทยมันรับไม่ได้อยู่แล้ว แล้วก็คงเป็นแนวที่ไม่ใช่มหาชนซะส่วนใหญ่ ก็เลยมีความรู้สึกว่ามันท้าทายดี แล้วเราก็พยายามปรับให้มันเข้าและลงตัวกับความเป็นหนังไทยและสังคมไทยให้มากที่สุด คืออย่างเช่น ความลามกทะลึ่งตึงตังเราก็ลดลง ให้มันซอฟต์ลง ให้อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ผลของการกระทำก็ต้องมีการตอบแทนซึ่งสรุปในทางที่ดี
หนังตลก, วัยรุ่น, ไซไฟ ชื่อสั้น ๆ สุดจั๊กจี้เรื่อง อสุจ๊าก เล่าเรื่องราวของชายหนุ่มสุดเปิ่นแสนเด๋อ ผู้ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักดนตรีร็อคชื่อดังกับเพื่อนรัก 3 คน แต่แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่งเหตุการณ์อลหม่านก็นำพาให้เขาต้องไปพัวพันกับดารานางแบบยอดนิยมที่เขาหลงใหลได้ปลื้มอยู่, เด็กพันธุ์ประหลาดที่มีหน้าตาเหมือนตัวเขาเอง, ด็อกเตอร์สติเฟื่องกับลูกสาวน่ารักแสนซน โดยหารู้ไม่ว่า เหตุการณ์วุ่นวายทั้งหลายมันมีสาเหตุมาจาก เอ่อ...น้ำเชื้อ...ของเขานั่นเอง
แม้เนื้อหาและแนวทางของหนังจะดูตลก, ทะลึ่งทะเล้น และค่อนข้างหลุดโลกไปแค่ไหนก็ตาม แต่ อสุจ๊าก ก็ถูกเพาะบ่มและสอดแทรกด้วยประเด็นที่สะท้อนปัญหาบางเสี้ยวของสังคมเมืองศิวิไลซ์ในแง่หนึ่งไปในตัว ไม่ได้มีแต่เชื้อฮาบรม แต่อุดมไปด้วยความกล้าดีด้วย
จริง ๆ แล้วเรื่อง อสุจ๊าก มันมีนัยยะอยู่อย่างหนึ่ง เราอยากจะบอกเรื่องเกี่ยวกับความรัก ก็คือเรามองว่าเดี๋ยวนี้วัยรุ่นหนุ่มสาวที่เค้าชอบแล้วคบกัน อาจจะเริ่มมาจากความสนุก คึกคะนองมากกว่า อาจจะไม่ลึกซึ้งถึงขั้นความรักก็ได้ ต่อไปเมื่อเด็กที่เกิดมาไม่ใช่ด้วยความรักแต่เกิดจากความคึกคะนองแล้ว เมื่อเค้าโตไปเค้าจะเป็นเด็กที่มีปัญหากระทบกระเทือนต่อทั้งตัวเด็กและก็สังคม อะไรต่าง ๆ นานาที่จะตามมาอีกมากมาย อันนี้คือประเด็นแฝงที่เราอยากจะให้มี แต่เราไม่ได้บอกตรง ๆ แต่จริง ๆ มันก็คือจุดเริ่มที่มาจากตรงนี้ครับ
หนังได้ทีมงานหลักระดับคุณภาพหลายคนมาช่วยกันสร้างสรรค์ อสุจ๊าก พันธุ์นี้ให้มีรากฐานงานสร้างที่แข็งแกร่งและลงตัวยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น เกียรติ ศงสนันทน์, ทวีวัฒน์ วันทา (ทีมผู้เขียนบท), เดชา ศรีมันตะ , สิทธิพงษ์ กองทอง (ผู้กำกับภาพ), ลี ชาตะเมธีกุล (ลำดับภาพ), อุโฆษสตูดิโอ (ออกแบบเสียง), ทริปเปิ้ลเอ็กซ์ (เทคนิคพิเศษด้านภาพ)
|
นอกจากนี้ อสุจ๊าก ยังได้รับการเสริมพลังในการทะลุทะลวงเข้าสู่กลางใจผู้ชม ด้วยทีมนักแสดงวัยรุ่นชั้นนำมากฝีมือ ทั้ง ลีโอ พุฒ (หนุ่มเปิ่นเจ้าของเชื้อประหลาด), ผิง พิมพาภรณ์ (ดารานางแบบสุดฮ็อต), ฟักกลิ้ง ฮีโร่ (เพื่อนเลิฟร่างใหญ่ใจดีผู้คลั่งไคล้มะนาวต่างดุ๊ด), สอง พาราด็อกซ์ (เพื่อนรักปากร้าย ใจก็ร้าย), กอล์ฟ ธัญญ์วาริน (เพื่อนร็อค เก๊กแมนสุดชีวิต)
รวมทั้งเพิ่มสีสันกระจายเชื้อฮา ด้วยนักแสดงด้นมุขสดอย่างหาตัวจับยาก สมเล็ก ศักดิกุล (ด็อกเตอร์สติเฟื่องเรื่องมั่ว ๆ) และนักแสดงหน้าใหม่ สด ซิง ปุ้ม ดลรส (ลูกสาวด็อกเตอร์น่ารักแสนซน) ร่วมด้วยนักแสดงรับเชิญที่มาร่วมแจมความมันส์อีกหลายคน
การกำกับนักแสดง ก็จะให้นักแสดงทำความรู้จักคาแร็คเตอร์กันก่อน กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มนักแสดงที่ดี คือก่อนเล่นเค้าจะไปซ้อมกันมาก่อนเลย แล้วเผลอ ๆ เขาอาจจะมีมุขหรือไอเดียแปลก ๆ ก็จะนำมาเสนอ ซึ่งถ้ามันช่วยให้คาแรกเตอร์นี้เด่นชัดขึ้น ผมก็รับไว้ แล้วก็มาเล่นให้ดูว่าเราจะชอบมั้ย เราอยากจะปรับตรงไหน จุดนี้เราอยากจะเสริมตรงไหน เข้มข้นมากกว่านี้ อยากให้มันดราม่ากว่านี้ อยากให้เยาะเย้ยกว่านี้ อยากให้ชั่วร้ายกว่านี้ ก็บรีฟเค้าประมาณนี้ เค้าก็จะเข้าใจ ด้วยตัวนักแสดงที่เราคัดเลือกมา ก็ค่อนข้างตรงกับคาแรกเตอร์ตัวละครอยู่แล้ว |
งานสร้างไอเดียติดดิน คารวะไซไฟดั้งเดิมแบบไทย ๆ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้มาในแนวทางของหนังไซไฟ คือมีเนื้อหาเรื่องราวที่ข้องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่า มันไม่ซีเรียส แต่ละเมียดด้วยไอเดียการสร้างสรรค์...เสียงฮา และด้วยไอเดียแต่แรกเดิมทีของตัวผู้กำกับทวีวัฒน์เองที่มีความตั้งใจ และชื่นชอบในงานสร้างฉากไซไฟแบบฉบับไทย ๆ ง่ายแต่ดูดีและตรงคอนเส็ปต์ ที่เคยมีมาในสมัยอดีตในหนังของ สมโภชน์ แสงเดือนฉาย (บริษัทไชโย) เกือบทุกเรื่องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจ ถ้าผู้ชมจะได้เห็นหม้อ ไห กระทะ กะละมังในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ในหนังเรื่องนี้ รวมทั้งหม้อจิ้มจุ่มที่ถูกมาทำเป็น...เอ่อ...เป็นไฮไลต์อีกอย่างหนึ่งของเรื่องที่ต้องตามชมในหนังแล้วล่ะ แต่รับรองมี...ฮา
งานสร้างมันเป็นของที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยเด็ก คือเราเคยดูหนังพวกไอ้มดแดง อุลตร้าแมน แล้วรวมถึงหนังของบริษัทไชโย ของสมโภช แสงเดือนฉาย มีหนุมาน ยอดมนุษย์จัมโบ้เอ ช่วงนั้นจะบูมมาก เราก็เลยอยากได้ฉากอย่างนั้น อยากได้ไฟกะพริบ ๆ อย่างนั้น ให้มันดูโลว์เทคเลย ให้มันดูไม่ใช้ยุคนี้ ไม่ใช่สตาร์เทร็คอะไรอย่างนี้เลยนะ
และด้วยหนังไซไฟกับประเทศไทยจะมีความเชื่อเกิดขึ้นยากมาก คนไทยจะค่อนข้างจะแอนตี้อยู่แล้ว เวลาที่เห็นอะไรที่ไฮเทคเขาก็จะไม่เชื่อ อันนี้ไม่ได้ว่ารสนิยมคนดู แต่มันจะมีส่วนลึก ๆ จริง ๆ ว่า ถ้ามันมีอะไรที่มันเป็นไซไฟ มันจะไม่ได้รับการเชื่อเลย อันนี้ก็เป็นจุดที่เราเสียดายเหมือนกันว่าทางสมโภชน์ แสงเดือนฉายเค้าน่าจะสร้างต่อนะครับ ป่านนี้เวลาผมทำอะไรคนดูจะได้เชื่อ (หัวเราะ)
เราก็เลยต้องดร็อปอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ให้เป็นของเหลือใช้ทั้งหมด ก็จะเป็นพวกหม้อหุงข้าว พวกอะไรที่มันเป็นของดัดแปลงทั้งหมด เมื่อคนดูซีนนี้แล้วจะต้องทำให้คนดูรู้สึกเชื่อว่ามันไม่ไฮเทคเลย คุณจะเห็นกะละมังติดสายไฟ แล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นของเหลือใช้ทั้งนั้น
นอกจากนี้ ในส่วนของงานสร้าง ยังเติมเต็มการเล่าเรื่องในส่วนที่มีภาพค่อนข้างล่อแหลมด้วยแอนิเมชั่นให้ดูซอฟต์ลง เพื่อความเหมาะสมกับภาพโดยรวมที่จะสื่อออกมาด้วย
แอนิเมชั่นนี่ เรานำเข้ามาช่วยในการเล่าเรื่อง คือมันจะเป็นส่วนที่เล่าเรื่องวิวัฒนาการของไอ้ตัวสเปิร์มนี้เข้ารังไข่ ถ้าเราทำเป็นภาพจริง ๆ เนี่ย มันคงจะเป็นเรื่องใหญ่เลย เราคงไม่สามารถไปโคลสอัพตรงนั้นของผู้หญิงได้ นอกจากที่เราจะทำเป็นภาพการ์ตูนเกิดขึ้น ก็เพื่อให้คนดูไม่ติดไม่ขัดอะไรกับมันเลยเมื่อเป็นสเปิร์ม
ด้วยความที่หนังเรื่องนี้มาในแนวทางของหนังไซไฟ คือมีเนื้อหาเรื่องราวที่ข้องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่า มันไม่ซีเรียส แต่ละเมียดด้วยไอเดียการสร้างสรรค์...เสียงฮา และด้วยไอเดียแต่แรกเดิมทีของตัวผู้กำกับทวีวัฒน์เองที่มีความตั้งใจ และชื่นชอบในงานสร้างฉากไซไฟแบบฉบับไทย ๆ ง่ายแต่ดูดีและตรงคอนเส็ปต์ ที่เคยมีมาในสมัยอดีตในหนังของ สมโภชน์ แสงเดือนฉาย (บริษัทไชโย) เกือบทุกเรื่องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจ ถ้าผู้ชมจะได้เห็นหม้อ ไห กระทะ กะละมังในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ในหนังเรื่องนี้ รวมทั้งหม้อจิ้มจุ่มที่ถูกมาทำเป็น...เอ่อ...เป็นไฮไลต์อีกอย่างหนึ่งของเรื่องที่ต้องตามชมในหนังแล้วล่ะ แต่รับรองมี...ฮา
งานสร้างมันเป็นของที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยเด็ก คือเราเคยดูหนังพวกไอ้มดแดง อุลตร้าแมน แล้วรวมถึงหนังของบริษัทไชโย ของสมโภช แสงเดือนฉาย มีหนุมาน ยอดมนุษย์จัมโบ้เอ ช่วงนั้นจะบูมมาก เราก็เลยอยากได้ฉากอย่างนั้น อยากได้ไฟกะพริบ ๆ อย่างนั้น ให้มันดูโลว์เทคเลย ให้มันดูไม่ใช้ยุคนี้ ไม่ใช่สตาร์เทร็คอะไรอย่างนี้เลยนะ
และด้วยหนังไซไฟกับประเทศไทยจะมีความเชื่อเกิดขึ้นยากมาก คนไทยจะค่อนข้างจะแอนตี้อยู่แล้ว เวลาที่เห็นอะไรที่ไฮเทคเขาก็จะไม่เชื่อ อันนี้ไม่ได้ว่ารสนิยมคนดู แต่มันจะมีส่วนลึก ๆ จริง ๆ ว่า ถ้ามันมีอะไรที่มันเป็นไซไฟ มันจะไม่ได้รับการเชื่อเลย อันนี้ก็เป็นจุดที่เราเสียดายเหมือนกันว่าทางสมโภชน์ แสงเดือนฉายเค้าน่าจะสร้างต่อนะครับ ป่านนี้เวลาผมทำอะไรคนดูจะได้เชื่อ (หัวเราะ)
เราก็เลยต้องดร็อปอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ให้เป็นของเหลือใช้ทั้งหมด ก็จะเป็นพวกหม้อหุงข้าว พวกอะไรที่มันเป็นของดัดแปลงทั้งหมด เมื่อคนดูซีนนี้แล้วจะต้องทำให้คนดูรู้สึกเชื่อว่ามันไม่ไฮเทคเลย คุณจะเห็นกะละมังติดสายไฟ แล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นของเหลือใช้ทั้งนั้น
นอกจากนี้ ในส่วนของงานสร้าง ยังเติมเต็มการเล่าเรื่องในส่วนที่มีภาพค่อนข้างล่อแหลมด้วยแอนิเมชั่นให้ดูซอฟต์ลง เพื่อความเหมาะสมกับภาพโดยรวมที่จะสื่อออกมาด้วย
แอนิเมชั่นนี่ เรานำเข้ามาช่วยในการเล่าเรื่อง คือมันจะเป็นส่วนที่เล่าเรื่องวิวัฒนาการของไอ้ตัวสเปิร์มนี้เข้ารังไข่ ถ้าเราทำเป็นภาพจริง ๆ เนี่ย มันคงจะเป็นเรื่องใหญ่เลย เราคงไม่สามารถไปโคลสอัพตรงนั้นของผู้หญิงได้ นอกจากที่เราจะทำเป็นภาพการ์ตูนเกิดขึ้น ก็เพื่อให้คนดูไม่ติดไม่ขัดอะไรกับมันเลยเมื่อเป็นสเปิร์ม
เพราะว่าแค่ถ่ายสเปิร์มจริง ๆ อยู่ในฟิล์มอยู่บนจอหนัง คนดูก็จะรู้สึกผะอืดผะอม เราก็เลยต้องทำให้มันเป็นแอนิเมชั่นเพื่อช่วยลดทอนความล่อแหลมลงครับ
และแน่นอน เมื่อเป็นหนังไซไฟเช่นนี้ สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องนำเข้ามาใช้ เพื่อช่วยเสริมให้เรื่องราวสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นั่นก็คือ การทำ CG หรือเทคนิคพิเศษทางด้านภาพ โดยงานนี้หน้าที่เป็นของทีมทริปเปิ้ลเอ็กซ์ที่มีผลงานมาแล้วหลายเรื่อง
ก่อนที่จะมาทำหนังเรื่องนี้ ผมก็ทำใจไว้แล้วนะครับ เพราะว่าจากเรื่อง ขุนกระบี่ฯ ทำให้ผมกลัวซีจี คือเข็ดเลย พอมาเรื่องนี้ก็คิดว่าพยายามอยากให้มันมีซีจีน้อยที่สุด ซึ่งมันมีความเป็นไปได้ยากมาก เพราะมันเป็นหนังไซไฟ ฉะนั้นซีจีเรื่องนี้มันจึงมีอยู่ประมาณ 60 เปอร์เซนต์เลย เยอะมากครับ เยอะแบบวินาศสันตะโร
จริง ๆ แล้ว หนังไทยที่จะมีซีจีเยอะ มันไม่ค่อยมีซักเท่าไหร่ แล้วบางอย่างบางช็อตที่เราอยากรู้ เราอยากทำอย่างนี้ ซึ่งมันก็ยังไม่มีใครทำ มันก็อยู่ที่การลองผิดลองถูกหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นการที่เรามีซีจี ก็ถือเป็นเรื่องยากและก็ถือเป็นการลองทุกอย่างเลย อย่างเช่นบางช็อตที่เราอยากถ่ายอย่างนี้ ที่เราเคยดูเคยรู้สึก คือหนังฮอลลีวู้ดเราไม่ต้องไปพูดถึงเพราะเขามีอยู่แล้ว แต่หนังในประเทศไทยยังไม่มี เราอยากได้แบบนี้ ซึ่งเราต้องใช้งบเยอะ มันต้องใช้งบเยอะ ใช้เวลาเยอะ เพราะฉะนั้นในส่วนซีจี บางทีเราต้องเลือกใช้เลยครับ อันไหนจำเป็นเราก็จะใช้ ก็ค่อนข้างที่จะยากนะครับ เพราะมันเยอะมาก แต่เราก็พยายามทำให้มันดีที่สุดครับ
|