เปนชู้กับผี... ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ บริษัท ไฟว์สตาร์ โปร ดักชั่น จำกัด ผลงานการกำกับลำดับที่ ๓ ของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ต่อจากเรื่องฟ้าทะลายโจร และ หมานคร... ภาพยนตร์เรื่อง เปนชู้กับผี หนังรักสยองขวัญ นำแสดงโดย ศิรพันธ์ วัฒนจินดา และ สุพรทิพย์ ช่วงรังษี ที่ได้แรงบันดาลใจจากชิ้นงานของ ครูเหม เวชกร จิตรกรห้าแผ่นดิน ผลงานของท่านได้แสดงให้เห็นถึง ความเป็นไทย วิถีชีวิต และ แนวคิดของสังคมไทยโดยถ่ายทอดผ่านภาพเขียน และงานเขียน โดยเฉพาะงานเขียนของท่านได้ถูกนำมาตีพิมพ์เป็นหนังสือชุดปีศาจไทย ในสมัยก่อนจนเป็นที่โด่งดัง เปนชู้กับผี... เป็นภาพยนตร์ที่ย้อนไปในอดีตราวปีพุทธศักราช ๒๔๗๗ เรื่องราวรักชวนสยองที่เกี่ยวพันกับหญิงสาวสองคน เป็นหนังผีที่น่ากลัวด้วยบรรยากาศ ที่สำคัญเป็นหนังผีแบบฉบับไทยแท้ๆ ที่น่ากลัวไม่แพ้ของชาติอื่น
ประวัติ และ ผลงาน...วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง (WISIT SASANATIENG)
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เริ่มทำงานโฆษณากับ บริษัท ลินตาส ( ประเทศไทย ) จำกัด ในตำแหน่งครีเอทีฟ และ บริษัทโฆษณาระดับแถวหน้าอีกหลายบริษัท และปัจจุบันเป็นผู้กำกับโฆษณาให้กับบริษัท เดอะฟิล์ม แฟคตอรี่ จำกัด มีผลงานด้านโฆษณาเป็นที่รู้จักจำนวนมาก...
วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์ไทยด้วยการเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง ๒๔๙๙ อันธพาลครองเมือง เมื่อปีพ.ศ.๒๕๔๐ และนางนาก ในปี พ.ศ.๒๕๔๒ มีผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของตนเองเรื่อง ฟ้าทะลายโจร อำนวยการสร้างระหว่าง บริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด และ ฟิล์มบางกอก เป็นภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นทางด้านการใช้สีอันฉูดฉาด ซึ่งได้รับการพูดถึงมากด้วยการนำเสนอที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งได้รับรางวัล Dragons & Tigers award for young cinema จาก Vancouver Film Festival, Canada ในปี ๒๐๐๐ และ ยังเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับการคัดเลือกเข้าชิงเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เมืองคานส์ปี ๒๐๐๑ อย่างเป็นทางการในสายอันเซอร์เทิล รี การ์ต : Un Certain Regards หรือ ภาพยนตร์ที่น่าจับตามอง
จากนั้นเขาได้สร้างผลงานการกำกับอันดับสองเรื่อง หมานคร อำนวยการสร้างโดย ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น เป็นการนำเสนอเรื่องราวของสังคมเมืองซึ่งอยู่ในรูปแบบของภาพยนตร์แฟนตาซีเหนือจริง จนได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ปี ๒๐๐๕ สาขาการสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังได้ถูกคัดเลือกเข้าร่วมฉายในเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศในปี ๒๐๐๕ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่โลคาโน ( 58 th Locarno International Film Festival ) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ , เทศกาลโตรอลโต อินเตอร์เนชั่น ฟิล์ม เฟสติวัล (Toronto International Film Festival) และ งานดรากอล แอนด์ ไทเกอร์ ซีรีย์ (Dragons & Tigers Series) ในเทศกาลแวนคูเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล (Vancouver International Film Festival) อีกทั้งยังได้รับรางวัลจาก เทศกาลภาพยนตร์แฟนตาเซีย (FANTASIA : NORTH AMERICAS PREMIER GENRE FILM FESTIVAL) ที่ Montreal ประเทศแคนาดา ครั้งที่ ๑๐ โดยสามารถคว้ารางวัล ๒ รางวัลมหาชน Best Asian Film ( Bronze Prize ) และ Most Groundbreaking Film ( Silver Prize ) มาครอง และยังมีรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ หมานคร..ยังได้รับการยกย่องให้เป็น ๑ ใน ๑๐ ของหนังที่ดีที่สุดในโลกปี ๒๐๐๕ จากนิตยสาร TIME Magazine และด้วยผลงาน กำกับภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวทั้ง ๒ เรื่อง ทำให้เขาได้รับรางวัลศิลปาธร สาขาภาพยนตร์ ครั้งที่ ๓ ประจำปี ๒๕๔๙ จัดโดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เป็นรางวัลจัดขึ้นเพื่อเป็นการสนับสนุน ส่งเสริม ยกย่อง เชิดชูเกียรติศิลปินร่วมสมัยให้มีกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ...
และสำหรับผลงานลำดับที่ ๓ ด้านกำกับภาพยนตร์ของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เรื่อง เปนชู้กับผี... เป็นหนังรักสยองขวัญ ที่มีเรื่องราวของความรัก ความลึกลับ และ การค้นหา
กว่าจะเป็น .... เปนชู้กับผี
เปนชู้กับผี เกิดขึ้นจากความตั้งใจ ของผู้กำกับโดยเขาได้เล่าถึงโปรเจ็คนี้ว่า เป็นความตั้งใจที่อยากทำหนังเรื่องนี้ มีความคิดเกิดขึ้นอยู่นานแล้วว่าอยากทำหนังผีที่เป็นสไตล์แบบไทย ที่มีรูปแบบ และ เอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งเราก็จะนึกถึงครูเหม เวชกร ภาพของครูเหม เป็นภาพที่มีความเป็นศิลปะมาก มีเอกลักษณ์ เป็นการรวมเอาความเป็นไทย วิถีชีวิต และสังคมไทยเข้าไว้ด้วยกัน ในการจัดวางภาพ การจัดแสงก็จะเป็นสไตล์ของเขา ซึ่งโดดเด่นมาก เป็นผีแบบฉบับไทยๆ ซึ่งไม่ค่อยมีใครมองเห็น แต่เรามองว่าในเมื่อเรามีของดีอยู่ ทำไมไม่หยิบมาใช้ และ ปรับให้ทันสมัย เราจึงได้เกิดโปรเจ็คเปนชู้กับผี...ขึ้น
ทำไม... เปนชู้กับผี ต้อง ไม่มีไม้ไต่คู้ !!
มักมีคำถามเสมอว่าชื่อของภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนผิดหรือไม่และทำไมถึงใช้ชื่อแบบนี้ ? คำว่า เปน ( ไม่ใส่ไม้ไต่คู้ ) เป็นคำไทยโบราณที่มีใช้กันมานานแล้ว ซึ่งถ้าศึกษาจากหนังสือในสมัยก่อน เช่น หนังสือราชกิจจานุเบกษา จะเขียนแบบนี้ การใช้ชื่อเรื่องหนังในสมัยก่อนมักจะเป็นวลี เป็นคำๆ เป็นประโยคบอกเล่า ที่จริงใจ และ ชัดเจน หนังเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ด้วยกลิ่นของความเป็นอดีต และ ด้วยความรู้สึกของหนังผี จึงออกมาเป็นชื่อนี้ เปนชู้กับผี... ผู้กำกับกล่าว
ที่มาของบท...
เปนชู้กับผี ... หนังรักสยองขวัญ ที่มีกลิ่นอายของพีเรียด และ ไม่ซ้ำใคร ด้วยชื่อของผู้กำกับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง และ คนเขียนบท ก้องเกียรติ โขมศิริ จากทีมกำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องลองของ ซึ่งเขียนบทหนังประเภทนี้มาแล้วและเป็นที่โด่งดังในปี ๒๐๐๕ ( พ.ศ.๒๕๔๘ ) ที่ผ่านมา และด้วยความโดดเด่นของบุคคลทั้ง ๒ จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่น่าจับตามองของปี เปนชู้กับผี...เป็นการทำงานร่วมกันครั้งแรกของทั้ง ๒ เพราะโดยปกติผู้กำกับคนนี้จะไม่เคยให้ใครเขียนบทให้ แต่ครั้งนี้เขาไว้ใจและมั่นใจในตัว ก้องเกียรติ โขมศิริ ในการเข้ามาพัฒนาบทให้มีเรื่องราวของความรักที่เข้มข้น มีที่มาที่ไปของตัวละครมากขึ้น หนังเรื่องนี้มีตัวละครน้อยแต่มีมิติในตัวเองอย่างชัดเจน ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่หนังผีแบบที่มีอยู่ทั่วไป
ความน่ากลัวชวนขนหัวลุกของหนังเรื่องนี้ อยู่ตรงบรรยากาศแบบไทย...ที่เงียบๆ วังเวง และ ถึงแม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ย้อนไปในอดีต แต่ประเด็นเรื่องของความรักยังคงใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย และ ยังคงเป็นคำถามคลาสิคที่ว่า เมื่อเรารักใคร...เราควรจะรักเขาไปจนตายรึเปล่า ?
คนเขีบนบท...
ก้องเกียรติ โขมศิริ สำเร็จการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทำงานเบื้องหลังวงการภาพยนตร์ โดยเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องต่างๆ มาแล้วไม่ว่าจะเป็น บางระจัน , ขุนแผน , ๗ ประจัญบาน ภาค ๑ และ ๒ , ขุนศึก , คนเล่นของ อีกทั้งยังร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่ององค์บาก และ เป็นหนึ่งในทีมกำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องลองของ ซึ่งสร้างชื่อเสียงเป็นที่โด่งดังในปี ๒๐๐๕ ( พ.ศ.๒๕๔๘ ) ที่ผ่านมา จนทำให้เขาเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมา โดย..โขม หรือ ก้องเกียรติ ได้เล่าถึงการร่วมงานครั้งสำคัญกับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยงว่า ทางไฟว์สตาร์ได้แนะนำถึงตัวเราว่าเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องลองของ ทางพี่เขาก็เกิดความสนใจขึ้นมาเลยได้มานั่งคุยกัน มันอาจจะเป็นผลมาจากหนังเรื่องลองของนะ ที่เขาเห็นว่าเราเขียนบทหนังแนวนี้แล้วมันมีผลตอบรับสูง คือเดิมตั้งใจว่าเสร็จเรื่องลองของ ก็จะไม่เขียนบทหนังประเภทนี้แล้ว อยากเปลี่ยนเป็นบทหนังแนวอื่นๆ บ้าง เพราะตอนนั้นเรายังไม่เห็นมุมใหม่ๆ ของการเขียนบทหนังผี แต่พอได้มานั่งคุยกับพี่วิศิษฎ์ ได้ฟังไอเดีย เราว่ามันโอเค.มากเรียกว่าสุดยอดเลยนะ เป็นไอเดียที่เกิดขึ้นมาจากภาพวาดของครูเหม เวชกร คือเรื่องผีของครูเหม ส่วนมากเป็นเรื่องความผูกพันธ์ระหว่างคนกับผี การพบการจาก เราว่ามันเป็นเสน่ห์ของหนังผีนะ และมุมที่เราตีความหลังจากที่ได้คุยกับพี่วิศิษฎ์ คือ บทของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นหนังผี ที่มีเรื่องของความรัก น่ากลัวด้วยบรรยากาศ คืออยู่เฉยๆ ก็ขนลุกขึ้นมา รู้สึกวาบขึ้นมาได้ทั้งๆที่เราไม่ต้องเห็นผีเป็นตัวเป็นตน แต่ว่ามันทำให้ชวนขนลุกอยู่ตลอดเวลา จากนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้ามาร่วมพัฒนาบทภาพยนตร์เรื่องนี้....เปนชู้กับผี
แนวทางในการนำเสนอ..
เปนชู้กับผี ... เป็นภาพยนตร์ที่ย้อนไปในอดีตประมาณ ๗๐ ปี รูปแบบที่ใช้ในหนังเรื่องนี้จะอยู่ในระหว่างปี พ.ศ.๒๔๗๐ - ๒๔๘๐ ซึ่งยุคนั้นเมืองไทยจะแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือกลุ่มคนสังคมชั้นสูง พวกนี้จะได้รับอิทธิพลทางยุโรปเป็นอย่างมาก ลักษณะของบ้าน เครื่องใช้ในบ้าน การแต่งกายจะได้รับอิทธิพลทางยุโรปเป็นศิลปะในยุคที่เรียกว่า อาร์ทนูโว ( Art Nouveau ) มาจากทางฝรั่งเศส และอีกด้านหนึ่งเมืองไทยก็ยังเป็นอะไรที่ไทยมากๆ คนต่างจังหวัดก็จะพายเรือ อยู่บ้านใต้ถุนสูง จุดตะเกียง นอนมุ้ง ทำนา ฉะนั้นแนวทางด้านศิลปะในการนำเสนอของเรื่องนี้จะมี ๒ รูปแบบที่มาเจอกัน เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการปะทะกันระหว่างชนบท กับ เมือง...
ด้านโลเคชั่น...
ผู้กำกับได้อธิบายถึงการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า ในการทำงานกับหนังเรื่องนี้ เราเขียนบทด้วยโจทย์ที่ว่าต้องมีนักแสดงไม่กี่คน แต่มีความลึกและโดดเด่น ไม่มีเทคนิคมาก ภาพทุกอย่างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้เกิดขึ้นจากการตกแต่ง หรือไปทำทีหลัง เราจะหนีคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเราพยายามจะทำทุกอย่างด้วยมือ ย้อนกลับไปใช้วิธีเดิมๆ วิธีที่จริงใจที่สุดของหนังไทยสมัยก่อน วิธีทำกันสดๆ เห็นกันจะๆ ทั้งหมดมันก็เป็นสาเหตุที่เราไม่ต้องการใช้สถานที่เยอะ เราจะได้ควบคุมมันได้ เราถ่ายทำกันในบ้านหลังเดียวที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ถ้าจะนับเวลาร่วมแล้ว เริ่มตั้งแต่เขียนบทตอนต้นปี ๒๕๔๙ มาถึงตอนนี้จนเข้าฉายก็ประมาณ ๑๐ เดือน
|