สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 


   

แนะนำนักแสดง

  LINK : หน้าแรกของหนัง
   
 

 

ถ้าเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต มีโรงเรียนดนตรีอย่างวิทยาลัยดุริยางคศิลป์อยู่ ป่านนี้คงไม่มีผู้กำกับภาพยนตร์ ชื่อ ” ต้น นิธิวัฒน์ ธราธร” แล้ว เพราะคงไปได้ดิบได้ดีในการเป็นนักดนตรีมืออาชีพแทน เนื่องจากช่วงวัยเด็กนั้น หนุ่มต้นสนใจและรักในดนตรีและการเล่นกีต้าร์เป็นชีวิตจิตใจ โดยมีฮีโร่ทางดนตรีอย่าง “ ป้อม อัสนีย์ โชติกุล” อยู่ในหัวใจ เอาเข้าจริงๆแล้วก็ชอบพอๆกับการดูหนัง แต่เพียงเพราะตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามีอาชีพการทำหนัง และมีการเรียนการสอนให้ทำหนังแบบนี้อยู่ด้วยต่างหาก

และนั่นคือความโชคดี ที่ทำให้ตอนนี้เราไม่ขาดผู้กำกับหนุ่มไฟแรงมือดีไปอีกคน เพราะหลังจากประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์เรื่อง “ แฟนฉัน” แล้ว มาคราวนี้ก็ถึงคราวออกโรง กำกับเดี่ยวครั้งแรก กับการชักชวนของฮีโร่ในการทำงานอย่าง “ เก้ง จิระ มะลิกุล” เพราะเห็นในความรักดนตรี รักเด็กวัยรุ่น (เอ๊ะ...ยังไง) และรักจะทำหนังวัยรุ่นของเค้านั่นเอง

หลังจากตกลงปลงใจกับพี่ ” เก้ง จิระ” ที่จะทำหนังเรื่องนี้แล้ว ก็ได้ชักชวนกันไปที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์กันสองต่อสอง เพื่อพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนและจะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น แต่ปรากฎว่า พี่เก้ง จิระ ติดธุระด่วน เลยต้องเข้าไปที่นั่นคนเดียว โดยได้รับการต้อนรับด้วยโชว์วงออเครสตร้าแบบเต็มวง ซึ่งสร้างความประทับใจอย่างมาก หลังจากวันนั้นเลยแทบอดรนทนไม่ไหว รีบรวมรวมพลพรรคเขียนบทเพื่อทำเป็นหนังทันที

หนังเรื่องนี้มีจุดที่ดึงเอา Conflict ของครอบครัวที่บ้านของผู้กำกับเอง มาใส่ในหนังด้วย คือช่วงที่จบจากนิเทศศาสตร์ ทางบ้านก็เริ่มเป็นห่วงว่าจะทำมาหากินอะไร เนื่องจากไม่ได้ทำงานประจำ ไม่มีเงินเดือนและหนังไทยตอนนั้นก็ยังไม่บูมเหมือนตอนนี้ แต่สุดท้ายเมื่อ “ แฟนฉัน” ประสบความสำเร็จ ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถทำได้ จนทางบ้านเอาไปอวดเพื่อนๆว่ามีลูกเป็นผู้กำกับ (น่าชื่นใจ) คือสุดท้ายต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นให้ได้ว่า สิ่งที่ได้ตัดสินใจเลือกไปนั้น เป็นสิ่งที่เรารักและจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต นี่คือสิ่งที่หนังต้องการพูดถึง

ในแง่ของการทำงานเรื่องที่ยากที่สุดคงหนีไม่พ้น การประนีประนอมกับความต้องการของผู้กำกับเอง เพราะในบางครั้งในการทำงานไม่สามารถทำได้100เปอร์เซ็นต์ในทุกๆอย่าง จึงต้องมองในภาพรวม ยอมที่จะปรับบางสิ่งบางอัน เพื่อควบคุมภาพรวมให้ได้ และดำเนินงานต่อไปได้ แต่จะว่าไปผู้กำกับหนุ่มคนนี้ก็ไม่มีความกดดันแต่อย่างใด เพราะไม่ว่าจะเป็นการทำงานครั้งใด ก็ตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อหนังเสร็จออกมาก็แฮปปี้ ไม่อายใคร พร้อมแอ่นอกยอมรับ แม้ว่าคนดูจะชอบหรือไม่ชอบแค่ไหนก็ตาม เพราะได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว


ต้น พูดถึงนักแสดง

พูดถึงเรื่องการทำงานไปแล้วขอเอ่ยถึงนักแสดงกันบ้าง เริ่มกันที่ หนุ่ม ” บอล” เป็นคนตั้งใจทำงาน ไม่เคยบ่นเลยซักคำ ทำหน้าที่อย่างดี ไม่งอแง แต่หนุ่มคนนี้จะชอบติดหล่อ บางทีอยากได้หน้าฮาๆ จนผู้กำกับต้องคอยบอกว่าพระเอกมันเป็นคนโง่ๆและก็ตลก เพราะคนแบบนี้ผู้หญิงชอบ และที่สำคัญถ้าทำตัวหล่ออย่างนั้น มันก็จะไม่ใช่คนที่ดาวไม่เคยมองเห็น และอีกอย่างที่ไม่เหมือนในหนังเลย แบบว่าตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง คือไม่ได้มีความขี้อายกับผู้หญิงเอาซะเลย เพราะจริงๆแล้วพร้อมที่จะพูดคุยกับผู้หญิงได้เสมอ
ส่วน ” ต่าย” เป็นผู้หญิงหน้าตาดี ที่พร้อมจะทำอะไรตลกได้อย่างไม่ขัดเขิน คือให้เต้นก็เต้น เอาตลกๆก็ทำ แล้วก็เป็นคนที่อยากทำให้ตลกตลอดเวลา เพราะเธอบอกว่าอยากเป็น “ เจเน็ท เขียว” บางทีผู้หญิงที่สวยเค้าจะไม่ค่อยกล้าทำอะไรแบบนี้ แต่เธอพร้อมที่จะทำทุกอย่าง มาถึง” นาถ” เธอจะเป็นเด็กใสๆ ไม่ค่อยทันมุขเท่าไหร่ แต่ก็น่ารักในทางของเค้า และข้อดีเธอคือเล่นได้เป็นธรรมชาติ ทั้งๆที่เป็นมือใหม่ ทำให้รู้สึกว่าแคสมาแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ

ส่วน “ พลุ” เป็นเด็กกวนทีนในเนื้อแท้ และโดยสันดานเลย เป็นเด็กช่างพูดหรือเรียกว่าพูดมากก็ว่าได้ แต่นี่ก็คือตัวตนที่เราอยากได้ ซึ่งทำให้คาแร็คเตอร์นี้ดูมีชีวิตขึ้นมามาก และก็ด้วยความลื่นไหลส่วนตัวทำให้เกิดมุขในสไตล์” พลุ” ขึ้นมา มาถึงคนสุดท้าย น้อง“ ว่าน” เป็นเด็กที่มีคาแร็คเตอร์มาก แรกๆเป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออก ขี้เขิน แต่พอรวมกลุ่มรวมก๊วน มีลูกคู่แล้ว ก็เปลี่ยนกลายเป็นคนละคน จะเป็นแนวกวนทีนขึ้นมาเลยทีเดียว

และทั้งหมดนี้คือส่วนผสมของหนังที่เพาะบ่มไปตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไป มาถึงนาทีนี้ ส่วน ผสมทุกอย่างก็เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกันอย่างดีแล้ว พร้อมออกมาสู่ฤดูกาลใหม่ และพร้อมรับมือกับอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปเต็มทีกับ …SEASONS CHANGE เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย...

ต้นให้เหตุผลทำไมต้องเป็น Seasons Change

นิธิวัฒน์ เผยว่า “ ครั้งแรกที่ผมได้รู้จักโรงเรียนดุริยางคศิลป์ที่มหิดล ซึ่งเปิดสอนดนตรีเฉพาะทางนั้นเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับผม และพอได้ฟังเพลง 4 Seasons ที่เนื้อหาสื่อความหมายการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลในชีวิต รวมถึงเพลง Seasons Change ฤดูที่แตกต่าง ของ นภ พรชำนิ ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจอยากทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา และพอเริ่มลงมือทำหนังผมก็เอาเพลงนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของหนัง เพราะผมคิดว่า ชีวิตวัยรุ่นมันก็เหมือนฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง ช่วงที่สดชื่นก็เป็นฤดูใบไม้ผลิ มันเป็นการเปรียบเปรยระหว่างชีวิตวัยรุ่น ดนตรี หนังจะเล่าเป็นฤดูกาล เปิดเทอมคือฤดูร้อน หนังเรื่องนี้จะเล่าครบปีพอดี มันก็เลยกลายเป็น Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่งเป็นหนังวัยรุ่นที่มีหลากหลายอารมณ์ เล่าเรื่องผ่านความสนุกสนาน สดใสในวัยของพวกเค้า ป้อม(วิทวัส สิงห์ลำพอง) คือหนุ่มน้อยที่สมัครใจเข้ามาเรียนดนตรีเพราะตามหญิง ชีวิตวัยรุ่นคนนึงกับสิ่งรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ความรัก ส่งผลอะไรกับเค้าบ้าง การมาเรียนดนตรี พ่อแม่ของป้อมรู้สึกอย่างไร และการที่ได้มารู้จักกับผู้หญิง 2 คน อ้อม กับ ดาว เหมือนเค้าได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง ช่วงชีวิตกับที่ต้องเลือกอะไรบางอย่างระหว่างรักครั้งแรก กับ เพื่อนสนิท มันทำให้หนังสนุกและประทับใจครับ”

ป้อม อัสนี โชติกุล ปรากฎตัวในหนังตอนหนึ่ง

 

 

ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร ผู้กำกับหนังรัก โรแมนติก คอมเมดี้ “Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ” ให้กับ จีทีเอช และ บีบีทีวี โปรดัคชันส์ เปิดใจป้อม-อัสนี โชติกุล คือฮีโร่ในดวงใจ กำกับหนังเดี่ยวเรื่องแรกเลยขอคาราวะนักดนตรีในใจ ด้วยการนำชื่อพี่ป้อมมาตั้งเป็นชื่อพระเอกในเรื่อง และปลื้มใจสุดๆ เมื่อป้อม-อัสนี ยอมมาเข้าฉากเป็นนักแสดงรับเชิญ

ต้น-นิธิวัฒน์ เผยว่า “ พระเอกเรื่องนี้ชื่อป้อม เพราะพี่ป้อม-อัสนี โชติกุล เลยครับ ผมชอบพี่ป้อมมากเพลงแรกที่ฝึกเล่นกีต้าร์คือเพลงก็เคยสัญญา วันที่ผมได้กำกับหนังเดี่ยวเรื่องแรก และพระเอกในเรื่องของผมเล่นดนตรีร็อค ผมเลยขอคาราวะฮีโร่ในดวงใจของผม ด้วยการนำชื่อพี่ป้อมมาเป็นชื่อพระเอก และทาบทามพี่ป้อมมาเป็นศิลปินรับเชิญในหนังเรื่องนี้ด้วย ซึ่งพอพี่ป้อมตอบตกลงมาเล่นหนัง ผมขนลุกดีใจมากครับ นักดนตรีทุกคนฝันอยากได้ร่วมงานกับศิลปินที่ชื่นชอบ น้องๆ นักแสดงทุกคนในเรื่องปลื้มมาก เพราะทุกคนที่มาเล่นหนังเรื่องนี้ก็ฝันอยากเป็นนักดนตรีจริงๆ พอได้พี่ป้อมมาเล่นมันเหมือนตอบโจทย์เรื่องความฝันของการเล่นดนตรี หนังเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวหลากหลายรูปแบบ ทั้งความรัก การเรียน ครอบครัว ดนตรี ฤดูกาล ความฝัน เป็นหนังสนุก สดใส และยังได้ต่อ-ซิลลี่ ฟูล มาร่วมทำเพลงให้ด้วยครับ”
ย้อนไปข้างบน

 

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.