สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   

รายละเอียดงานสร้าง

   
 

“ รักเรียนครูกาละแมร์ชอบใจ เรียนรักถูกใจครูมีสุข ”

เมื่อผู้หญิงฝีปากกล้าอย่างกาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ และผู้หญิงฝีปากคมอย่างไก่ มีสุข แจ้งมีสุข ต้องมาพลิกคาแรกเตอร์ครั้งสำคัญกับบทคุณครูสุดเฮี้ยบยุคคุณแม่ยังสาว .....แถมยังต้องปราบนักเรียนสุดทะโมนทั้งชายหญิง เพื่อนำโครงการนำร่องโรงเรียนสหศึกษาแห่งแรกในเมืองไทยให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี .........และที่สำคัญต้องคอยเป็นกันชนให้กลุ่มดอกไม้เหล็กที่มีหนุ่มๆตามจีบชนิดที่เรียกว่าหัวกระไดหอพักไม่แห้ง

ภาพยนตร์เรื่อง มอ๘ บอกเล่าความผูกพันของครูสมปัติและครูเกษรที่เป็นเพื่อนรักกัน เกิดวันเดียวกันปีเดียวกัน เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก และมีความฝันเหมือนกัน คือมุ่งมั่นที่จะเป็นครูที่ดี แต่ด้วยนิสัยที่แตกต่างกันสุดขั้ว ทำให้เกิดเรื่องราวอลหม่านภายใต้ชายคาของโรงเรียนสหศึกษาแห่งแรกในเมืองไทย และเรื่องราวสุดวุ่นวายดังกล่าว จะพาผู้ชมย้อนอดีตไปสู่วัยเรียนในปีพ.ศ.2500 ปีที่ความรักยังคงเป็นสิ่งสวยงาม น่าทะนุถนอมและไม่โหดร้ายเช่นปัจจุบัน ........

 

พันธมิตรทางจอเงิน

ภาพยนตร์เรื่อง มอ๘ เป็นการร่วมลงทุนระหว่างบริษัทสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนลจำกัดและบริษัทฟิล์มเอเชียของ มด นพพร วาทินซึ่งกลับมาทวงบัลลังก์เจ้าพ่อวงการหนัง หลังจากประสบความสำเร็จกับหนังสุดฮอตที่จับสมชาย เข็มกลัดปะทะศรัณย์ สาครสินเมื่อปี 2537 เรื่อง “ ตุ๊ ต๊ะ ต๋อม แต๋ม สุภาพบุรุษตัวต. ” ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลมากมายจากภาครัฐอย่าง “ เด็กเสเพล ” และ “ วัยระเริง ” ส่วนผลงานเรื่องสุดท้าย “ อั้งยี่ ลูกผู้ชายพันธุ์มังกร ” หนังแอ็คชั่น – ดราม่า ที่นำเอาซุปเปอร์สตาร์ชาวไต้หวันอย่างหลินจื้ออิง ประกบนักร้องเพลงร็อคอย่างอำพล ลำพูนก็กวาดรางวัลจากหลายสถาบันและการกลับมาครั้งนี้ นพพร วาทินเลือกผู้กำกับโฆษณาฝีมือดี จือ ยงยุทธ พินิจพงศ์ที่เคยกำกับงานสุดฮาอย่างโฆษณาน้ำยาขัดห้องน้ำ วิกซอล ชุด “ เสียหมาเลยเรา ” รับหน้าที่กำกับแทนด้วยเหตุผลที่ว่า

“ ตัวผมไม่ได้ทำหนังมานานกว่า 8ปี ใจจริงอยากทำหนังมากรออยู่นาน และตอนนี้ก็พร้อมที่จะผลิตหนังแล้ว เมื่อมีโอกาสจึงเข้าไปคุยกับเสี่ยเจียงเล่าโปรเจกต์หนังเรื่อง มอ ๘ให้ฟัง ปรากฏว่าเสี่ยสนใจจึงร่วมลงทุนด้วย แต่เรื่องนี้ผมรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์และให้จือ ยงยุทธ รับหน้าที่กำกับเพราะเขาเป็นคนมีฝีมือและมุ่งมั่น ค่อนข้างเต็มที่กับการทำงาน ก็มีโอกาสนั่งคุยปรากฏว่าความตั้งใจตรงกัน และเขาก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้รายการหักหลังผู้ชายออนทีวี ซึ่งค่อนข้างสนิทกับกาละแมร์ก็เลยคิดว่าน่าจะทำงานกันง่าย ”

 

ผู้กำกับหน้าใหม่ ไฟแรง

ยงยุทธ พินิจพงศ์จบการศึกษาจากคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ ม.ศิลปากรเมื่อปีพ.ศ. 2532 ด้วยความเป็นคนช่างคิดช่างสังเกตุบวกกับความชื่นชอบทางด้านศิลปะเมื่อจบมายงยุทธจึงสมัครงานบริษัทโฆษณาในตำแหน่งอาร์ตไดเรคชั่นและเขยิบมาเป็นโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์อย่าง แสบคูณสอง, รักกันสนั่นเมืองของบริษัททริปเปิ้ลทู ก่อนที่จะร่วมลงทุนเปิดบริษัทรับงานฟรีแลนซ์กำกับโฆษณาวิกซอล ชุดเสียหมาเลยเราเป็นเรื่องแรก จนกระทั่งรู้จักกับนพพร วาทินซึ่งชักชวนให้มา

รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ในรายการหักหลังผู้ชายออนทีวีและเมื่อนพพรเปิดบริษัทฟิล์มเอเชียรับผลิตภาพยนตร์อีกครั้งจึงยื่นตำแหน่งผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง มอ ๘ ให้เป็นหน้าที่ของยงยุทธ พินิจพงศ์

“ มีอยู่วันหนึ่งที่ผมไปถ่ายรายการและนั่งคุยกับพี่มด พี่มดเขาก็ถามว่าเอ๊ !! จือเราจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับสังคมมาทำเป็นหนังกันดี ผมก็พูดขึ้นมาว่าทำเรื่องนักเรียนดีไหม หรือว่าเรื่องของวัยรุ่น ซึ่งพี่มดก็สนใจเช่นกัน และเราก็ดูจากคาแรกเตอร์ของกาละแมร์และไก่ ก็เลยลองทำดู ตอนแรกคิดว่าจะทำปัญหาวัยรุ่นแต่มันก็ดูตรงเกินไป จึงคิดทำหนังพีเรียดสมัยรุ่นคุณพ่อคุณแม่ เหมือนเป็นการยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่าความรักในสมัยก่อนเขาก็มี แต่ปัญหาเขาน้อยกว่า ซึ่งแตกต่างจากยุคนี้ที่ปัญหามันเยอะแยะ ก็เลยคิดว่าความคิดตรงนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคม ”

 

“ อย่าริรักในวัยเรียน จะโดนเฆี่ยนให้หลังลาย ”

สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่อง มอ๘ ต้องการนำเสนอ คือเรื่องราวความรักในวัยเรียนยุค 2500 เปรียบเทียบกับยุคปัจจุบันโดยให้เรื่องราวความรักเกิดขึ้นในชั้น มอ ๘ โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรกในเมืองไทย ซึ่งทดลองนำเด็กนักเรียนชายหญิงกว่า 40 คนมาเรียนรวมกัน ด้วยวัยและความใกล้ชิดก่อเกิดเป็นความรักขึ้น แต่กลับถูกจับตามองจากครูสมปัติครูที่เป็นนางยักษ์ในสายตาเด็ก ซึ่งนพพร วาทินได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้ว่า

“ คือผมทำรายการหักหลังผู้ชาย แล้วมีวันหนึ่งได้ไปรีเสิรช์ข้อมูล และบังเอิญไปเจอสิ่งที่น่าตกใจ คือบุคคลที่เข้าโรงแรมเป็นจำนวนมากที่สุดคือนักเรียนหญิงใส่คอซอง ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดสมัยผม กว่าจะจีบผู้หญิงได้มันยากมาก แต่เดี๋ยวนี้มันเร็ว ผมคิดว่าแม้เราไม่สามารถห้ามความรักได้ แต่สามารถจำกัดขอบเขตของมันได้ ก็เลยคิดพล็อตเรื่องนี้ขึ้นมา และในยุคพ.ศ.2500 จะไม่มีใครกล้าจีบกันนะ ต้องนั่งส่งจดหมายและผู้ชายจะขี้อาย ไม่มีการมานั่งจับมือกัน คืออยากให้สิ่งเหล่านี้มันกลับมาแต่ก็ไม่รู้ว่ามันได้แค่ไหน ”

ส่วนผู้กำกับยงยุทธ พินิจพงศ์ ได้กล่าวถึงคอนเซปต์ของภาพยนตร์เรื่อง มอ๘ไว้ว่า “ มอ๘ นำเสนอเรื่องราวความรักในวัยเรียน โดยผ่านการเล่าเรื่องของครูคนหนึ่งในยุค 2500 ซึ่งช่วงนั้นเกิดความรักในวัยเรียนขึ้น แต่เขากลับปล่อยปละละเลยและรู้สึกเสียใจที่ไม่เชื่อเพื่อนคนหนึ่ง ที่คอยตักเตือน จนถึงปัจจุบันปัญหาที่เขากลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ ตรงนี้คือคอนเซปต์หลัก ส่วนการเล่าเรื่องจะเล่าผ่านการรวมโรงเรียนชายล้วนและหญิงล้วน เป็นโรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก เหมือนเป็นการปูทางเข้าสู่มหาวิทยาลัย มาเรียนรู้กัน มาลองเป็นเพื่อนกัน ฝ่ายชายควรให้เกียรติฝ่ายหญิง เพราะถ้าจู่ๆไปเจอกันที่มหาวิทยาลัยเลย อาจจะปรับตัวเข้ากันไม่ได้ ก็เลยเกิดโครงการนำร่องขึ้น และเมื่อเด็กๆมาเจอกัน ด้วยวัยเขาก็เริ่มอยากเป็นเพื่อนกัน เริ่มมองกัน ปิ๊งกันจะเรียกว่าความรักก็ได้ เริ่มชอบพอกัน มีการส่งสายตา ส่งจดหมายขอเพลงให้กัน แต่งกลอนจีบ คือทำทุกอย่างเพื่อจะบอกว่าผมชอบคุณ แต่จะมีครูอยู่คนหนึ่งซึ่งหวังดี มองการณ์ไกลก็จะคอยบอกคอยเตือน ว่าระวังนะ แต่กลายเป็นว่าครูคนนี้กลับเป็นตัวโกงของทุกคน เป็นตัวปัญหาเป็นนางยักษ์ แต่สุดท้ายสิ่งที่เขากลัวมันก็เกิดขึ้น ”

 

หนังปราบเซียน

ในส่วนของโปรดักชั่นจากความตั้งใจที่จะนำเสนอเรื่องราวความรักในยุค 2500 มอ ๘ จึงกลายเป็นหนังพีเรียด ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับทีมงานทั้งเรื่องของโลเกชั่น ภาษาที่ใช้และของตกแต่งฉาก ซึ่งก่อนเปิดกล้องผู้กำกับและทีมงานได้มีการรีเสริช์ข้อมูลในยุค 2500 ซึ่งเป็นยุคปฏิวัติข้าวยากหมากแพง ยุคที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากสงคราม จนทีมงานทุกคนต่างพร้อมใจกันเรียกยุคนี้ว่า “ ยุคปราบเซียน ”

“ ยุคนี้ไม่ว่าจะเป็นโลเกชั่น ตึกรามบ้านช่องหรือว่าพร็อพต่างๆจะหายากมาก คือคนที่จะซื้อของได้ต้องเป็นคนรวยจริงๆ  แต่พอเราจะหาของระดับชนชั้นกลางหรือชาวบ้านจะไม่ค่อยมี  ดังนั้นเครื่องสำอาง หวี สบู่ ยาสีฟันของใช้วัยรุ่นในยุคนั้นก็จะหายากมาก ส่วนภาษาที่ใช้สิ่งที่แตกต่างจะเป็นเรื่องของสแลงมากกว่า บางครั้งนักแสดงเด็กจะหลุดคำว่ามีดิ อย่างนี้ดิ หรือศัพท์วัยรุ่นซึ่งถ้าเราไม่ตั้งใจฟังดีๆเราก็จะบอกผ่าน แต่พอดูอีกรอบก็ต้องถ่ายใหม่ แต่ส่วนของกาละแมร์และไก่ไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะเขาอ่านข่าว อักขระจะชัดเจน ซึ่งคนไทยสมัยก่อนก็จะพูดชัดถ้อยชัดคำ จึงไม่หนักใจเท่าไหร่ครับ ส่วนในเรื่องของโลเกชั่นอันนี้จะหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นอาคารเรียนซึ่งหายากเพราะเขาทุบทิ้งไปเยอะ เหลือไม่กี่ที่ หรือถ้าภายนอกใช้ได้ ภายในอาจจะใช้ไม่ได้ เช่น ติดอะลูมิเนียม ติดแอร์ มีเหล็กดัด ฝ่ายอาร์ตก็ต้องบัง ต้องรื้อถอนออก ก็ปวดหัวพอสมควร ส่วนบ้านที่เป็นหอพักครู เราโชคดีมากที่ได้บ้านของเศรษฐีเก่าแถวฝั่งธน อายุเกือบ 100 ปีซึ่งถูกต้องตามยุคสมัย รงเรียนก็ใช้หลายที่หลักๆก็โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์แถวลาดพร้าวและโรงเรียนสาธิตพระนคร ”

“ ครูกาละแมร์หน้ายักษ์เวลามีรัก ” “ ครูมีสุข น่ารักเวลามีรัก ”

ในส่วนของนักแสดงบทบาทของครูสมปัติ นำแสดงโดยผู้หญิงที่ครองเรทติ้งความฮอตไว้มากที่สุดแห่งยุคอย่างกาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ และบทครูเกษรครูสาวแสนสวยที่มีชายหนุ่มหมายปองทั้งพระนคร ตกเป็นของไก่ มีสุข แจ้งมีสุข ซึ่งนพพร วาทินได้กล่าวถึงการดึงเอาพิธีกรที่มีงานชุกมากที่สุดมาร่วมงานว่า

“ เราเขียนบทเรื่องนี้โดยหยิบคาแรกเตอร์ของแมร์และไก่มาเลย และถ้าเขาสองคนไม่รับเล่นก็คงไม่มีโปรเจกต์เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งบทของแมร์กับไก่จะมีพอๆกัน เล่นตั้งแต่สาวยันแก่วัย 90 ปี ซึ่งคาแรกเตอร์ของทั้งคู่จะแตกต่างกัน ไก่จะเป็นคนที่เรียบร้อย อ่อนหวาน มีเหตุผลเข้าใจวัยรุ่น รู้จักประนีประนอม รู้ว่าวัยนี้เป็นวัยที่เริ่มรักกันแล้วนะ เริ่มรู้จักเพศตรงข้ามแล้ว คือไม่ถึงกับปล่อยปะละเลย แต่ไม่ซีเรียสเท่าแมร์ ส่วนแมร์จะเป็นคนที่มุทะลุดุดัน เป็นนางยักษ์ในสายตาของนักเรียน เป็นจอมเฮี้ยบของทุกคน คือแมร์เขาจะมีคาแรกเตอร์ที่เป็นครูจริงๆตลอด 24ชั่วโมง ”

แม้คาแรกเตอร์ของครูสมปัติจะเป็นนางยักษ์ เจ้าระเบียบและเฮี้ยบตลอดเวลา แต่ใจจริงครูสมปัติรักอาชีพการเป็นครูมากพอๆกับรักลูกศิษย์ของตัวเองซึ่งผู้กำกับยงยุทธ พินิจพงศ์ได้กล่าวถึงสาเหตุการพลิกคาแรกเตอร์ของกาละแมร์เป็นครั้งแรกว่า

“ ผมว่าคาแรกเตอร์แมร์เขาชัดเหลือเกิน ถ้าเราไปเอานักแสดงจริงๆมาเล่น ผมรู้สึกว่าไม่เชื่อ เหมือนกับว่าเราเขียนบทเพื่อให้คนนี้แสดง เป็นแบบนี้ แต่คุณแมร์เขามีความเป็นไปได้เกินครึ่ง เราแค่เอาคำพูดไม่กี่คำให้เขา แต่สิ่งที่เราได้กลับ โอ้โฮ !!! ออกมามากกว่าที่เราอยากได้ ผมว่าคนดูจะเซอร์ไพรส์มาก เพราะเราเห็นเขาเป็นพิธีกร สนุกสนาน อำนู่น อำนี่อ่านข่าว แล้วเติมมุขให้มันเฮฮาขึ้น แต่เรื่องนี้เราจะต้องทึ่งกับคุณแมร์ในฐานะนักแสดง คือผมหวังร้อยแต่แมร์ให้มาสองสามร้อย เลยเป็นความเซอร์ไพรส์ของทีมงานทั้งหมด คือมันเกิดจากความตั้งใจของเขา ทุ่มเทเกินร้อย มันยิ่งกว่าการแสดง คือมันบวกความรู้สึกของเขาจริงๆ เขาอินกับบทมาก มันไม่ใช่ เดี๋ยว !!.. ฉันจะเล่นบทนี้ พูดไดอาล็อคแบบนี้ ทำหน้าแบบนี้ แต่เขาจะรู้สึกจริงๆว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเขาจะทำยังไง ”

กาละแมร์ยอมรับว่าช่วงแรกที่รับเล่นภาพยนตร์เรื่อง มอ๘ อาจจะมีอาการอิดออดบ้างจากการทำงานที่ซับซ้อน แต่เธอก็ยอมรับอีกว่าบทบาทที่เธอได้รับใน มอ ๘ ทำให้เธอหลงเสน่ห์การแสดงชนิดที่ถอนตัวไม่ขึ้น

“ แรกๆแมร์ยอมรับว่าเหนื่อยนะ เพราะแมร์ทำงานหนักมากและต้องมาถ่ายหนังอีก ก็อาจมีอิดออดบ้าง แต่ยิ่งเล่นเรายิ่งชอบ เพราะได้รับบทเป็นครูเลย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนแม่มาก วิญญาณแม่เข้าสิงตลอดเวลา คือแม่แมร์เป็นครูสอนมัธยม ซึ่งแมร์ถอดแบบแม่มาหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงที่ดังฟังชัด หรือวิธีการพูดที่จะดุๆหน่อย มันเป็นไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนบทครูสมปัติก็ค่อนข้างตรงกับเรา แม้คนทั่วไปจะเห็นแมร์ก๋ากั๋น สนุกสนาน แต่บางครั้งเราก็เจ้าระเบียบเหมือนครูสมปัติ ส่วนสาเหตุการรับเล่นเรื่องนี้ เพราะพี่มดเขาหลอกว่าในเรื่องไก่จะเล่นคู่พี่จิ๊บ ( อติกานต์ หนุนภักดี )และแมร์จะคู่พี่กิ๊ก ( อนิศ โอสถานุเคราะห์ ) แต่ตั้งแต่เปิดกล้องจนปิดกล้องยังไม่มีฉากที่พี่กิ๊กมาเกี่ยวข้องอะไรกับแมร์เลย มีแต่มาด่าฉอดๆแล้วจากไป ไม่มีจ๊ะจ๋าหวานแหวว นัวเนีย เลิฟซีนกัน ( หัวเราะ ) แต่ใจจริงแล้วแมร์อยากร่วมงานกับพี่มดและก็ไก่ค่ะ และบทเรื่องนี้ก็ดีมาก เปลี่ยนภาพของแมร์ไปอีกมุมหนึ่งได้เลย ”

ถ้าครูสมปัติถือเป็นดอกกุหลาบที่สวยงามแต่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม ครูเกษรก็ถือเป็นดอกมะลิที่เปี่ยมไปด้วยความสวยงามและอ่อนหวาน ยงยุทธ พินิจพงศ์กล่าวว่า เขาวางคาแรกเตอร์ของครูทั้งสองให้ต่างกันเพื่อให้เห็นความขัดแย้งทางความคิด แม้ทั้งคู่จะเกิด วันเดียวกัน ปีเดียวกันและผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก

“ คาแรกเตอร์ของคุณไก่จะเป็นครูที่เข้าใจวัยรุ่น รู้จักประนีประนอม เข้าใจว่าวัยนี้เป็นวัยที่เริ่มรักกันแล้วนะ เริ่มรู้จักเพศตรงข้ามแล้ว แต่ไม่ถึงกับปล่อยปะละเลย แต่ไม่ซีเรียสเท่าครูสมปัติคาแรก เตอร์เขาจะเป็นสาวหวาน เรียบร้อย ใครเห็นก็ต้องหลงเขา ยิ่งมาอยู่ในจอหนังมีการพิถีพิถันในการจัดแสงก็เลยกลายเป็นน่ารักจัง ดูคุณไก่แล้วจะเพลินเขาจะพรีเซนต์ในความเป็นครูใจดีออกมา ”

ในตอนแรกที่มด นพพร วาทินทาบทามไก่ มีสุข แจ้งมีสุข ให้มารับบทเป็นครูเกษรในภาพยนตร์เรื่อง มอ๘ เธอเกิดอาการสองจิตสองใจ เนื่องจากถือเป็นการแสดงเรื่องแรก และรู้สึกเป็นกังวลกลัวว่าคนดูจะรับไม่ได้กับบทบาทใหม่

“ จริงๆแล้ว กังวลเหมือนกันว่าคนดูจะรับได้หรือเปล่า กลัวเขาไม่พอใจ แต่เหตุผลที่รับเล่นคือบทครูเกษรจะคล้ายๆกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ ซึ่งเป็นครูที่มองโลกในแง่ดี อ่อนหวาน จิตใจดีและรักนักเรียนมาก และต้องเป็นคนทำหน้าสวยตลอดเวลา คือให้จำไว้เลยว่าไม่ว่าฉันจะเป็นอย่างไร จะโกรธ จะดุนักเรียน แต่ต้องนึกไว้เสมอว่าฉันต้องสวย สองคือไก่ไว้วางใจพี่มดและทีมงาน ซึ่งแทบไม่มีความเสี่ยงเลย เพราะเขาเป็นผู้กำกับที่มีเครดิตเยอะแยะมาก สุดท้ายคือการได้ร่วมงานกับแมร์ ซึ่งมันทำให้เราอุ่นใจว่าเรามีเพื่อนในกองอย่างแน่นอน ”

 

ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเพลย์บอย

แม้ว่าบทเด่นของเรื่องจะตกอยู่ที่ผู้หญิงสวยทั้งสองคน แต่ความสมบูรณ์จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดครูชายที่มาเติมสีสันให้ความรักในยุค 2500 ดูมีมิติขึ้น กิ๊กกะจิ๊บคือเพลย์บอยหนุ่มที่โด่งดังจากผลงาน “ หักหลังผู้ชาย ” หนังสือขายดีที่เอาใจผู้หญิง แต่ผู้ชายอ่านแล้วต้องสะดุ้งเนื่องจากขายความเป็นบุรุษเพศชนิดหมดเปลือก จิ๊บหรือชื่อจริง อติกานต์ หนุนภักดีรับบทเป็นครูศตวรรษ ครูหนุ่มจบนอก เป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยนและอบอุ่นหลงรักครูเกษรหัวปักหัวปำ ส่วนกิ๊ก อนิศ โอสถานุเคราะห์รับบทเป็นครูนพพล เพื่อนซี้ของครูศตวรรษที่คอยกัดกับครูสมปัติตลอดเวลา ซึ่งผู้กำกับ ยงยุทธได้กล่าวถึงคาแรกเตอร์ของครูชายทั้งสองคนว่า

“ คาแรกเตอร์ที่วางไว้ของกิ๊กกับจิ๊บจะเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคนที่ทันสมัยในยุคนั้น จบเมืองนอก พูดยูพูดไอ คาแรกเตอร์ จะขัดแย้งกับครูสมปัติซึ่งจะหัวโบราณ แต่สองคนนี้จะแหกกฎ และผมก็ให้จิ๊บไปหลงรักคุณไก่ ซึ่งเป็นเพื่อนรักของแมร์ ซึ่งแมร์เขาจะเป็นกันชนก็แหม !!! จะเอาอ้อยออกจากปากช้างก็ต้องโดนซะหน่อย ”

ภาพยนตร์เรื่อง มอ๘ ยังได้นักแสดงรับเชิญกิตติมศักดิ์อย่าง ท่านสว.ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ซึ่งวางมือจากบทบาทสว.หญิงในสภาชั่วคราว มารับบทเป็นคุณหญิงกุหลาบ รองอธิบดีกรมสามัญศึกษา, มีศักดิ์ นาครัตน์ นักแสดงชื่อดังในอดีต ซึ่งรับบทเป็นครูล้วน ครูใหญ่โรงเรียนอักษรศิลป์และเหล่าหนุ่มสาวทั้ง 30 คนในบทเด็กนักเรียนยุค 2500

 

ความประทับใจ

สิ่งที่นพพร วาทินและยงยุทธ พินิจพงศ์ตอกย้ำเสมอในการนำเสนอภาพยนตร์เรื่อง มอ๘คือการให้สิ่งดีดีตอบแทนแก่สังคม แต่ไม่ต้องการนำเสนอเรื่องราวที่ซีเรียส ถึงขั้นที่ว่าเมื่อนักเรียนดูแล้วอยากจะสอบเอนทรานซ์ขึ้นมาทันทีซึ่งยงยุทธ พินิจพงศ์ได้กล่าวไว้ว่า

“ คือพี่มดมักจะย้ำเสมอว่าหนังของเราต้องให้อะไรกับสังคมนะ ต้องทำเท่าที่ทำได้ ให้เท่าที่ให้ได้ แต่แทนที่จะจับยัดมันต้องมีความหวานล่อ กินง่ายให้เพลินๆ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้อาการป่วยไข้ทุเลาลงได้ มอ ๘ก็เหมือนกัน เพราะเดี๋ยวนี้ถ้าดูจากหนังสือพิมพ์ ม.2 ม.3 ก็มีปัญหาแล้ว แต่เราก็เอาน้ำหวานล่อในการทำให้มันสนุกสนาน กุ๊กกิ๊ก มีจีบกัน มีมุขตลกเพิ่มขึ้น แต่ลึกๆแล้วผมก็อยากจะบอกเด็กนักเรียน บอกครูว่าผมยกตัวอย่างครูสมปัติ ยกตัวอย่างคนกลุ่มหนึ่งเมื่อปี 2500 มาแล้วนะ ถ้าสังคมปัจจุบันเป็นได้ขนาดนี้มันอาจจะดีขึ้นหรือในปัจจุบันมีคนอย่างครูสมปัติซัก10 คน ปัญหาในโรงเรียนอาจจะลดลงก็ได้ อย่างนักเรียนหนีเรียน ยกพวกตีกัน ท้องหรือฆ่าตัวตาย ขอแค่มีครูสมปัติโรงเรียนละคนก็พอ ”

 

ความน่าสนใจของ มอ ๘

หากนึกภาพผู้หญิงสุดซ่าส์อย่างกาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ สวมบทคุณครูกระดาษทราย มีอาวุธเป็นไม้เรียวทุกขนาด ใส่แว่นตาหนาเตอะกวาดสายตามองเด็กนักเรียนอย่างเย็นชา แค่นี้ก็เรียกเสียงฮือฮา แถมด้วยผู้หญิงที่เล่าข่าวได้อย่างเมามัน พูดจาฉะฉานอย่างไก่ มีสุขมารับบทเป็นคุณครูแสนน่ารัก พูดจาคะขา ยิ้มหวานเสียจนหนุ่มๆแทบละลายก็เพิ่มความน่าติดตามยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่บทบาทน่ารักจากสองสาว มอ ๘ ยังสอดแทรกเรื่องราวความรัก การให้เกียรติผู้หญิงและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคสมัย 2500 ซึ่งยงยุทธ พินิจพงศ์ได้กล่าวว่า

“ อารมณ์ของหนังเรื่องนี้จะเป็นแนวใสๆ น่ารัก สนุกสนาน แต่สิ่งที่ได้มาโดยปริยาย คือเราได้เรียนรู้ชีวิตของคนในช่วงนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ไม้สอย การพูดการจา เช่นการมองสบตาเขาจะใช้คำว่าฟาดเนตรกัน และเราจะได้เห็นสิ่งดีงาม เช่นการให้เกียรติผู้หญิงอย่างสมัยก่อน การเดินจูงมือกัน จะเป็นเรื่องน่าอายอย่างมาก ก็ผ้าเช็ดหน้าถือคนละมุม นี่คือเป็นแฟนกันแล้วนะ และจะไม่มีการแซวกัน มีแต่การเขียนจดหมายบอกรัก ต้องแต่งตัวเนี๊ยบสุภาพแอบให้ ผู้หญิงก็ต้องแอบอ่านอย่างอักษรปริศนาที่ต้องเอาไปอังกับไฟเวลา ที่เขียนจดหมายจีบกัน และอีกเรื่องคือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยการนำนักเรียนชายและนักเรียนหญิงมาเรียนรวมกันเป็นครั้งแรก ซึ่งก่อให้เกิดความรักในวัยเรียนขึ้น แต่การกระทำของครูสมปัติที่คอยห้ามคือคำสอนที่ดีที่สุด สุดท้ายก็มาสรุปตรงที่ว่านางยักษ์คนนี้จะเป็นคนที่สังคมเรา ณ ปัจจุบันอยากให้มี ”

 

 

 


Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.