
คุณไพสิฐ พันธุ์พฤกษชาติ จัดเป็นคนทำหนังสั้นและหนังทดลองตัวยงอีกคนหนึ่ง ถึงแม้ส่วนใหญ่อาจจะรู้จักเขาจากการทำหน้าที่ด้านเสียงให้แก่หนังสตูดิโออย่าง เดอะสเปิร์ม อสุจ๊าก , สยิวหรือ เฉิ่ม แต่ในแวดวงหนังสั้น จะรู้จักเขาและงานของเขาอย่าง จอมโหดมนุษย์ซีอิ้ว (หนังกึ่งสารคดีดิจิตอลขนาดยาว), หรือ ห่านน้อยคอยรัก มากกว่า
ล่าสุด ไพสิฐได้ติดต่อขอบทประพันธ์ของคุณมนัส จรรยงค์ นักเขียนที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาเรื่องสั้นของไทยคนหนึ่ง สมัยที่ไพสิฐเดินทางจากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯ เขาได้อ่านเรื่องสั้นของมนัส จรรยงค์สมัย พ.ศ.2528 และเกิดความติดใจหลังจากนั้น เขาพยายามนำเรื่อง คืนวันหนึ่งที่ถนนตะแลงแกง มาถ่ายทำและเลือกที่จะเล่าโดยใช้ฉากร่วมสมัยแทนจะย้อนยุคเหมือนตัวเนื้อเรื่อง มีคนที่รู้จักมาแสดงให้ แต่หนังก็ไม่สามารถทำให้เสร็จสมบูรณ์ได้ เมื่อถึงเวลาประจวบเหมาะ ไพสิฐเลยตัดสินใจไปขอลิขสิทธิ์เรื่องสั้นเรื่องนี้ จากลูกชายของท่าน โดยไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนใดๆ ให้ได้เพราะไม่มีเงิน ซึ่งเป็นโชคดีหรืออาจจะเพราะตัวทายาทของนักเขียนผู้ล่วงลับก็ยินดีมอบสิทธิ์ให้กับไพสิฐฟรีๆ เขาจึงนำเอาโครงการนี้ไปขอทุนจากกระทรวงวัฒนธรรม ทำให้ได้เงินมาก้อนหนึ่ง
เรื่องสั้น คืนวันหนึ่งที่ถนนตะแลงแกง เป็นเรื่องของทหารคนหนึ่งที่ประสบปัญหาความรัก และเดินท่องไปตามเมืองพลางกลัดกลุ้มกับปัญหาของตน จนมาถึงสี่แยกตะแลงแกง เพื่อนทหารก็เตือนว่า เขาจะต้องเข้าร่วมในการกบฎ และต้องอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง ทหารหนุ่มต้องเลือกว่าจะอยู่หรือตาย การเลือกของเขาส่งผลบางอย่างที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาตลอดไป เหตุการณ์ในเรื่องจะเกิดขึ้นในคืนที่ท้าวศรีสุดาจันทร์กับขุนวรวงษาโดนจับประหารชีวิต (เป็นเหตุการณ์หนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง สุริโยทัย) ไพสิฐให้เหตุผลที่หยิบเรื่องสั้นนี้มาทำว่า มีบางอย่างในตัวพระเอกที่คล้ายกับเขา
ไพสิฐเลือกที่จะถ่ายทำโดยใช้กล้อง Hi Depinition มา และเลือกที่จะเล่าเรื่องโดยภาพจะเป็นภาพของโบราณสถานที่อยุธยา สถานที่ๆ คาดว่าจะเป็นที่ๆ เหตุการณ์ในเรื่องสั้นเกิดขึ้นจริง หรือฉากสุดท้ายของเรื่องที่เป็นตะแลงแกง แต่ปัจจุบันกลายเป็นตลาดที่มีคนพลุ่กพล่านไปแล้ว ส่วนเสียง ไพสิฐตัดสินใจลองทาบทามศรัณยู วงศ์กระจ่าง นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ ให้มาอ่านเรื่องสั้น เพื่อจะได้นำเสียงอ่านหนังสือของศรัณยูไปใช้ประกอบการเล่าเรื่อง ซึ่งศรัณยูเมื่อได้คุยกับไพสิฐก็สนใจ และมาบรรยายให้

ในด้านของข้อมูล ไพสิฐอยากได้ข้อมูลด้านสถานที่ให้ตรงกับในเรื่องและความเป็นจริงของเหตุการณ์ในคืนวันนั้น ก่อนถ่ายทำเขาได้ไปปรึกษาในเว็ปพันทิป ส่วนที่เกี่ยวกับเพชรพระอุมา และได้รับความอนุเคราะห์จากท่านมุ้ย เพราะท่านทำ สุริโยทัย มาจึงมีข้อมูลตรงนี้และช่วยอธิบายให้ไพสิฐค่อนข้างมาก
ในส่วนของการถ่ายทำ ไพสิฐเล่าว่าไม่ค่อยอยากเท่าไหร่ และค่าใช้จ่ายก็มีแต่ค่าเช่ากล้อง ส่วนทีมงานก็มีกันน้อย จะมาหนักจริงๆ ก็ตรงจ่ายค่าอัพเดตคอมพิวเตอร์ของเขา ให้สามารถตัดงานที่ถ่ายด้วย Hi Depinition ได้ และก็มีการเสียค่าตัวให้คุณศรัณยูตามอัตราที่เขาคิดกัน ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้เรียกร้องก็ตาม
ตัวของไพสิฐเอง เขากำลังติดต่อหาโรงฉายอยู่ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ยาว 40 นาที อาจจะมีการนำเอาฉบับที่ถ่ายไม่เสร็จมาทำให้สำเร็จและออกฉาย หรืออาจจะนำเอาเวอร์ชั่นใหม่มาตัดเสียงออกแล้วฉายต่อกับอันที่มีเสียงของศรัณยูบรรยาย เพราะอาจจะได้อารมณ์ที่แตกต่างและกลายเป็นอีกเรื่องไป และวางแผนจะฉายในวันที่ 10 มิถุนายน 2551 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 101 ปี ของคุณมนัส จรรยงค์
จริงๆ มีเรื่องของมนัส จรรยงค์อีกหลายเรื่องที่ไพสิฐอยากจะนำไปดัดแปลงเป็นหนัง ถ้าหากว่ามีโอกาส ตัวเขาเชื่อว่าเขาก็คงจะได้ทำหนังจากงานของคุณมนัสอีก ในส่วนค่าลิขสิทธิ์ของเรื่องสั้น ไพสิฐตั้งใจว่าจะหาเงินมาจ่ายคืนแก่ลูกชายของคุณมนัสเรื่อยๆ เพราะถึงจะได้รับความอนุเคราะห์มา แต่ก็อยากทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามหลัก |