สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
หนีตามกาลิเลโอ ฮ็อตอินอิตาลี
  อัญชลี ชัยวรพร / 4 พฤษภาคม 2553
   
 

บัตรลงคะแนนให้หนีกาลิเลโอ โดยการฉีกตรงคะแนน

นิธิวัฒน์ ธราธร เป็นผู้กำกับเพียงคนเดียวที่ได้รับเชิญไปเทศกาลหนังฟาร์อีสต์อูดิเน่ จากจำนวนหนังไทย 5 เรื่องที่เดินทางไปฉายในปีนี้ ได้แก่ เฉือน, October Sonata รักที่รอคอย, หนีตามกาลิเลโอ, Who Are You และ ห้าแพร่ง แต่แรกเริ่มนั้น ทางเทศกาลจะต้องเชิญผู้กำกับอีกหลายท่าน แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทำให้เทศกาลหนังหลายแห่งต่างประสบปัญหางบกันไปทั่วโลก

หนังไทยเดินทางไปร่วมงานค่อนข้างช้าในปีนี้ โดยมี October Sonata ฉายเป็นเรื่องแรก หนังฉายรอบแรกของวัน ซึ่งคนที่จะสนใจหนังเรื่องจริง ๆ ถึงจะเดินทางมาดูแต่เช้า แต่ก็ได้รับผลตอบรับที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง คะแนนยอดนิยมมาเป็นที่ 21 รองจาก เฉือน ที่มาเป็นลำดับที่ 20 หลายคนที่ดูมักจะเป็นผู้ใหญ่และมีความสนใจในเรื่องการเมือง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ คิมดงฮู ไดเร็คเตอร์ใหญ่ของเทศกาลหนังปูซาน หรือโปรแกรมเมอร์หนังของประเทศจีน ซึ่งยังมาสนใจขอคุยต่อ ถามแม้แต่หนังสือต้นฉบับ นักเขียน แถมเรื่องการเมืองไทยด้วย เธอบอกว่าหนังดีนะ แต่ sentimental ไปหน่อย October Sonata เข้ากับสถานการณ์หนังไทยในบ้านเราอยู่ไม่น้อย มิสเตอร์คิมดงฮูถามว่า พระเอกนางเอกของหนังนี้ดังในเมืองไทยหรือเปล่า เขาคิดว่าหนังน่าจะได้เงิน

หลังจากนั้นก็มีหนังไทยอีก 3 เรื่องที่ฉายในวันเดียวกัน คือ ห้าแพร่ง เฉือน และ ใครในห้อง

ห้าแพร่ง ฉายตอนเย็น ๆ และได้รับคะแนนโหวตยอดนิยมมาเป็นลำดับที่ 16 มากกว่าเฉือน กับ October Sonata อยู่เล็กน้อย ดิฉันไม่ได้รอดูจนจบ พวกนักวิจารณ์ดัง ๆ เขาบอกว่า หนังเน้นเอ็ฟเฟ็คมากเกินไป บางคนก็เข้ามาบอกกับฉันว่า ตอนแรกเรื่องเปรตดีที่สุดอย่างที่ฉันว่า เรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือรถมือสอง แต่มันเดาได้ตลอด

ส่วนเรื่องที่เกินความคาดหมายก็คือ เฉือน พวกคนรู้จัก ซึ่งเป็นนักวิจารณ์บ้าง โปรแกรมเมอร์เทศกาลบ้าง ต่างก็ชมเฉือนกับฉัน หลายคนเคยดูมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ก็ขอดูอีกเป็นรอบที่สอง บางคน โดยเฉพาะพวกที่เป็นเกย์ทำท่าตื่นเต้นมากตอนที่หนังจะเปิดฉาย ทั้ง ๆ ที่เขาดูเป็นรอบที่สอง บางคนดูหนังจบ ก็มาขอจับมือกับฉัน บอกว่าหนังดีมาก ขณะที่ฉันยังเห็นคนโหวตคะแนนให้ถึง 4 จาก 5 คะแนน

ประเด็นเรื่องเกย์กลายเป็นอะไรที่ฉันไม่คาดหวังมาก่อน หลายคนแปลกใจที่ฉันบอกว่าชอบ ฉันบอกว่าตอนดู มองแต่มันเป็นหนัง ไม่ได้มองประเด็นเกย์ เออ แต่ก็ยอมรับนะ คนที่เข้ามาบอกว่าชอบ ๆ ก็เป็นเกย์กันทั้งนั้น

ส่วนคนที่ดูไม่จบก็มี เขาบอกว่า มันเว่อร์เกินเหตุ แถมย้อนต่อว่า ปาร์ตี้ออร์จี้ในเมืองไทยมีด้วยหรือ หลายคนก็บอกว่า เดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเมียพระเอกคือฆาตกร แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเพื่อนผู้ชายของพระเอก

เมื่อหนังฉายจบ คนดูปรบมือกันเกรียวและส่งเสียงเชียร์ด้วยความยินดีในระดับหนึ่ง แม้จะไม่มีผู้กำกับหรือทีมงานไปก็ตาม

ใครในห้อง ฉายเป็นมิดไนท์สกรีนหนึ่ง ซึ่งฉันรอไม่ไหว ดูไปได้แป๊บเดียว ก็ออกมาแล้ว แต่มีบางคนเขาบอกว่าค่อนข้างชอบนะ ส่วนลำดับการโหวตของ ใครในห้อง อยู่ที่ไหน ไม่ทราบค่ะ เพราะไม่เห็นรายชื่อในกระดาษแผ่นแรก

 

เตรียมตัว หนังจะฉายแล้ว (โปรดสังเกตุท่าทางชายหญิงแถวหลัง ตลกมาก)

 

หนีตามกาลิเลโอ ฉายเป็นเรื่องสุดท้าย ก่อนวันสุดท้าย ในรอบสี่โมงเย็น ซี่งต้น นิธิวัฒน์ เดินทางมาก่อนล่วงหน้าสองวัน ในวันที่หนังแย ต้นมาพร้อมกับครอบครัว พอซาบรีน่าประกาศแนะนำตัว คนก็ปรบมือ ส่งเสียงเรียกด้วยความยินดี ตามธรรมเนียมของที่นี่ ต้น ก็เลยลุกขึ้นยืน บ๊ายบายให้กับคนดู ก่อนที่ทางเทศกาลจะเชิญขึ้นบนเวที

 

โบกมือทักทายคนดู

 

ถ่ายรูปคนดูบ้าง

 

ต้นบอกว่า เขาดีใจที่หนังได้ฉายมาที่นี่ ตัวเขาก็เหมือนกับ ตัวละครสองตัวในเรื่องที่เดินทางไปยุโรปเพื่อหาความหมายใหม่ของชีวิต จากจิตวิญญาณของกาลิเลโอ ตัวเขาก็เดินทางมาตามกาลิเลโอ เพื่อมาดูว่าคนอิตาลีจะมองหนังเขาเป็นอย่างไร

ระหว่างที่หนังฉายนั้น คนดูหัวเราะชอบใจในหลาย ๆ ตอน ไม่ว่าจะเป็นตอนคั่วพริก โฮมลง – หนีตำรวจที่อังกฤษ หรือแม้กระทั่งตอนที่เชอรี่ไปขอซื้อยา แล้วเภสัชกรไม่ให้ เชอรี่เลยใช้ดิคคอมพิวเตอ์ด่าไปว่า 'ฟัคยู'

เมื่อหนังมาถึงฉากอิตาลี ทุกคนหัวเราะชอบใจมากตอนที่คุณลุงเจ้าของร้านสอนภาษาอิตาเลียนให้เด็กทั้งสอง 2 คำ แล้วบอกว่า นี่ไง เธอพูดภาษาอิตาเลียนได้แล้ว คนดูชอบใจ หัวเราะปรบมือกันใหญ่

เมื่อหนังฉายจบ ทีนี้เสียงปรบมือพร้อมเชียร์ดังมาก น่าจะดังมากที่สุดเท่าที่เคยดูมา ต้น นิธิวัฒน์มีท่าทีเขิน ๆ เหมือนกัน แต่ฉันเกริ่นไว้ก่อนแล้วว่าจะเจอแบบนี้ ก็แบบสปอตไลท์ส่องมาที่ที่คุณนั่ง พิธีกรก็แนะนำ คนก็ปรบมือกันใหญ่ ตอนที่มะเดี่ยว ชูเกียรติมาตกใจมาก หันมาถามว่า พี่ทำไงดี ฉันบอกว่า ลุกขึ้นยืน แล้วโบกมือก็แล้วกัน

ต้นไปทำการบ้านมาก่อนที่จะถึงรอบของเขา เขาเห็นการพรีเมียร์คนอื่นอยู่ ก็เลยพอรู้วิธี แต่เขาก็มีท่าทางเขิน ๆ อย่างเห็นได้ชัด

พอไฟดับ คนเข้ามาขอลายเซ็น ขอถ่ายรูปะเยอะมาก บางคนก็ขอให้เซ็นที่แขน บางคนก็มอบนามบัตรให้ บอกว่าไปแวะที่ร้านได้เลยนะ

ส่วนการตอบรับด้านนอก บางคนก็มาบอกว่า เต้ยน่ารักนะ เล่นบริสุทธิ์ใส ๆ ดี ต้นบอกว่า ตอนแรกเขาเขียนเต้ยไม่ใช่แบบนี้เลยทีเดียว แต่พอกำกับไปแล้ว เขาเห็นความสดใสอะไรบางอย่าง ก็เลยรีบปรับ แล้วนำความสดใสของเธอที่มีอยู่ในตัวเข้ามา

น้องหยกที่ทำหน้าที่ประสานงานเมื่อตอนหนังมาถ่ายที่อิตาลีบอกว่า มีคนอิตาลีบอกเธอว่า เดี๋ยวจะโชว์ป้าย “ใครชอบกาลิเลโอบ้าง ให้ยกมือขึ้น”

น้องหยกบอกว่า ความจริงเธอได้ชวนคุณลุงที่เล่นเป็นฟาบริซิโอ เจ้าของร้านอาหารด้วย คุณลุงตัวจริงเป็นเจ้าของร้านอาหารที่เวนิซ แต่ไม่มีใครดูแลร้าน ก็เลยมาดูหนังไม่ได้ ส่วนนักแสดงอีกคนที่เป็นเจ้านายเชอรี่นั้น เป็นคนอิตาเลียนที่อยู่ฝรั่งเศส เพราะฉะนั้นก็เลยมาดูหนังไม่ได้แน่นอน

ส่วนเรื่องเสียงสะท้อนจากการสอบถามและการสัมภาษณ์นั้น เราพบว่า มีหลายอย่างที่ไม่เหมือนกับบ้านเรา เขาสนใจหนังเรื่องนี้เพราะเป็นมุมมองที่คนไทยมองยุโรป มันไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน

คำถามคำวิจารณ์ก็มีตั้งแต่ว่า ทำไมถึงให้ลุงฟาบริซิโอ้มาขายอาหารแบบนั้นด้วย หรือว่าการขึ้นไปถ่ายที่หอเอนปิซ่าทำได้ไง เพราะทราบมาว่าอยากมาก

น้องหยกผู้ทำหน้าที่ประสานงาน ก็เลยบอกว่า เสียค่าใช้จ่ายไป 600 ยูโร ต้องถ่ายภายใน 1 ชั่วโมง และให้คนขึ้นไปไม่เกิน 5 คน ได้แก่ นักแสดง โค้ชนักแสดง ผู้กำกับ ตากล้อง และหยก

สำหรับการถ่ายหนังทั้งหมดนั้น ต้นบอกว่า เขาใช้วิธีทีมเดียวกันทั้งหมด 15 คน รวมทั้งดาราด้วย เ ดินทางร่วมกันสองเดือน อยู่ด้วยกันตลอด ชีวิตของการทำงานและคนทำงานในช่วงนั้นก็ไม่แตกต่างจากชีวิตของตัวละครทั้งสองคนในเรื่อง

ส่วนในเวนิซ ใช้เวลาประมาณ 10 วัน ไม่มีปัญหาเท่าไร เพราะได้เตรียมโลเคชั่นไว้อยู่แล้ว ได้วางแผนกันล่วงหน้าอยู่แล้ว นักแสดงทุกคนดีหมด แม้แต่ผู้ที่เล่นเป็นคุณลุงฟรีบาซิโอ้ เป็นคนรักเมืองไทย

อีกเรื่องหนึ่งที่คนสนใจ เขาบอกว่านักแสดงสามคนในหนังเหมือนจริงมาก ต้นบอกว่า เต้ยตัวจริงเป็นคนมีชีวิตชีวา เขาเลยปรับบทให้เข้ากับตัวเธอ ส่วนต่ายมีความเป็นตัวเองสูง ก็เลยดึงเขาออกมา ส่วนเรย์นั้น เป็นนักเดินทางตัวจริ และเคยเป็นกบฎมาก่อน เพียงแต่ว่าตอนนี้อายุมากขึ้น บทนี้ก็เลยเหมาะสำหรับเขามากที่จะมาสอนต่าย

ต้นบอกว่า หนุ่มสาวในไทยส่วนใหญ่จะมองยุโรปเป็นดินแดนในฝัน ดินแดนที่พวกเขาจะไปค้นหาในชีวิต หนังพูดถึงการใช้ชีวิตในต่างแดน และพูดถึงกาลิเลโอ ทำให้การกลับมามีความหมาย คนยุโรปอาจจะสนใจว่าคนไทยจะมองพวกเขาอย่างไร เขาก็อยากรู้ว่าคนยุโรปจะมีความคิดเห็นต่อหนังของเขาอย่างไร ต้นบอกว่า มันดีกว่าที่คิด ตื่นเต้นมาก ไม่คิดว่าคนยุโรปจะเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้มากขนาดนี้

 

 

ถ่ายกับริริ่ ริซ่า ผู้กำกับดังของอินโดนีเซีย

 

ให้สัมภาษณ์

 

   
  All rights reserved.  

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.