ปิดงานไปแล้วเรียบร้อยเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ผลปรากฎว่า 7 หนังไทยที่ได้รับการคัดเลือกไปฉายโชว์ที่อิตาลีในปีนี้ อยู่ในขั้นประสบความสำเร็จดีกว่าปีก่อน ๆ หลายคนเดินเข้ามาบอกว่าปีนี้มีหนังไทยเยอะมาก และเลือกหนังไทยดีกว่าปีก่อน ๆ (จริง ๆ แล้วก็เลือกเอาหนังดี ๆ มาทุกปีล่ะค่ะ แต่เมื่อก่อนนี้ไม่ค่อยได้ จนปีนี้แหล่ะที่ค่ายต่าง ๆ เริ่มยอมให้หนังกับเทศกาลนี้มากขึ้น) มีคนเข้ามาคุยด้วย 2 - 3 คน บอกว่าหนังไทยปีนี้ดีกว่าหลาย ๆ ชาติทีเดียว ดีกว่าจีนด้วยซ้ำ
สำหรับหนังไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และได้คะแนนยอดนิยมมากที่สุด คงเป็น รักแห่งสยาม เหมือนบ้านเรา โดยรักแห่งสยาม เข้ามาเป็นลำดับที่ 9 จากท็อปเทนหนังยอดนิยมในปีนี้ สำหรับกระแสตอบรับ รักแห่งสยาม โปรดติดตามอ่านได้ที่นี่
ที่นิยมตามมาก็คือ บอดี้ศพ # 19 ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 11 ส่วนเรื่องกระแสตอบรับ บอดี้ศพ # 19 นั้น ผลปรากฎว่าคนดูหนังจะชอบกันมาก ยิ่งเมื่อรู้ว่ามะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล เป็นคนเขียนบทด้วยแล้ว บางคนถึงกับเรียกเขาว่า genius บางคนก็เห็นด้วยกับผู้เขียนที่บอกว่า บอดี้เป็นหนังผีไทยที่ดีที่สุดเมื่อปีที่แล้ว แต่สำหรับคนในวงการ ดูท่าจะไม่ชอบหนังมากนัก ต่างบอกว่าหนังมันยืดเกิน และจังหวะเริ่มอยู่กับที่ แต่จากการคุยกัน ผู้เขียนสังเกตุเห็นว่า พวกเขาบางคนไม่ได้เข้าใจเรื่องราวถึง 100 เปอร์เซนต์ ไม่เข้าใจว่า การที่หมอคิดว่าตัวเองเป็นชลสิทธิ์ น้องชายดารารายเพราะอะไร ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพราะหมอถูกดารารายสะกดจิตก่อนจะเสียชีวิต ผู้กำกับท่านหนึ่งเข้ามาบอกว่า ภัทรวรินทร์ ทิมกุล เล่นเก่งมาก ผู้เขียนก็เลยบอกว่า เธอเป็นดารามืออาชีพ เล่นละครเวทีมาก่อน
ส่วนหนังที่เกิดจากงานนี้แท้ ๆ กลับเป็น Me Myself ขอรักจงเจริญ โดยเป็นหนังไทยที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับสาม หนังฉายแต่เช้าตรู่ของวันนี้ (21 เมษายน) ซึ่งปีนี้คนจัดคิวฉลาดมาก เลือกหนังที่จะดึงคนมาดู อย่างเช่นเมื่อวานนี้ (20) ก็เอา Secret ผลงานกำกับเรื่องแรกของเจย์ โชว์ ดารานักร้องชื่อดังของไต้หวันเขา วันนี้ก็เลือก Me Myself ขอรักจงเจริญ เพราะตัวผู้เขียนแนะนำหนังไว้ว่า เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของอนันดา เอเวอริ่งแฮม ซึ่งดังมากที่สุดในขณะนี้ และเล่นหนังของผู้กำกับดังหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนนทรีย์ เป็นเอก วิศิษฎ์ และเอกชัย อ่านบทวิจารณ์ภาคอังกฤษของผู้เขียนที่ตีพิมพ์ในแคตาล็อก ได้ที่นี่
สำหรับกระแสตอบรับของคนดูนั้น ทุกคนตอบคล้าย ๆ กัน (เหมือนกับที่ บก.เขียนแนะนำหนังไว้) ก็คือ หนังมีปัญหาครึ่งชั่วโมงแรก เพราะดูคล้ายละครทีวีมากไปหน่อย แต่พอผ่านไปแล้ว พงษ์พัฒน์ทำคะแนนได้ดีมาก Shelly Kaicer นักข่าววาไรตี้ประจำประเทศจีน เดินพร้อมภรรยาเข้ามาบอกผู้เขียนว่า หนังสนุกมาก ผมชอบที่ผู้กำกับปล่อยภาพออกมาเฉย ๆ ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เขารู้สึกว่ามันทำให้หนังมีเสน่ห์ และปวดร้าว ทุกคนต่างชมว่าหนังดีกว่าที่เขาคิดกันไว้มาก หลายคนก็เดินเข้ามาถามว่า พงษ์พัฒน์เป็นใคร มาจากนักแสดงอย่างเดียวหรือ คุณ Roger Garcia ซึ่งเป็นที่ปรึกษาหลายเทศกาลหนังในสหรัฐ บอกว่าเขาจะแนะนำหนังเรื่องนี้ให้เทศกาลหนังเพื่อนของเขา ความสำเร็จส่วนหนึ่งต้องยกให้กับทั้งบทและการกำกับของพงษ์พัฒน์ด้วย
ส่วนงานกำกับของผู้เขียนบทอย่าง คงเดช จาตุรนต์รัศมีนั้น กอด (คงเดช จาตุรนต์รัศมี) ฉายไปเมื่อวันเสาร์ ตอนบ่าย 2.15 ซึ่งเสียงตอบรับของ กอด น่าสนใจ เพราะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ บรรดาสื่อและพวกจัดเทศกาลหนังบอกว่า กอดมีไอเดียที่น่าสนใจ โดยเฉพาะแนวหนังที่เป็น road movie แต่หนังมีปัญหายาวไปหน่อย และคงเดชใส่หลายอย่างในหนังมากเกินไป เดี๋ยวเป็นตลก คุณ Roger Garcia บอกว่า หนังน่าจะตัดหลาย ๆ ส่วนออก แล้วนำเสนอเฉพาะเรื่องความรักเท่านั้น มีช็อตภาพที่น่าสนใจหลายอย่าง และที่ชอบกันมากก็คือ ดนตรีของหนัง ทุกคนต่างออกปากชมเป็นเสียงเดียวกัน (ไม่รู้ว่า หลายคนคงจะอ่านบทวิจารณ์ของผู้เขียนมาก่อน เพราะบางมุมมองรู้สึกจะคล้ายของเราพิกล) อ่านบทวิจารณ์ภาคอังกฤษของผู้เขียนที่ตีพิมพ์ในแคตาล็อก ได้ที่นี่
อีกเรื่องหนึ่งที่มีคนเข้ามาคุยด้วยอยู่บ้าง ก็คือ ผีจ้างหนัง อาถรรพณ์ป่าคำชะโนด ถ้าคิดว่าคนเข้ามาคุยเพราะเนื้อหาของหนัง ผลปรากฎว่าไม่ใช่เลย แต่กลับเป็นเรื่องสไตล์ของหนัง มีคนเข้ามาบอกว่า หนังมีลักษณะเหมือนการทดลองอยู่นะ แต่ทดลองยาวไปหน่อย ควรจะตัดออกสักชั่วโมง และจะกลายเป็นหนังสั้นที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง
ไชยา (ก้องเกัยรติ โขมศิริ) ฉายรอบเที่ยงคืน ถูกจัดเข้าประเภทหนัง action drama ซึ่งตอนนั้นผู้เขียนเพิ่งบินถึงงาน ก็เลยขออนุญาติไม่ไปดูหนัง แต่มีคนบอกว่าคนดูค่อนข้างเยอะ เต็มสองชั้นแน่ ๆ แต่ไม่แน่ใจสำหรับชั้นสาม (โรงหนังที่นี่จะมีถึง 3 ชั้น) แต่น่าแปลกใจ กลับไม่มีใครมาคุยกับผู้เขียนเลย
อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครมาคุยด้วย ก็คือ สวยลากไส้ แต่มีตัวแทนสหมงคลฟิลม์เข้าไปสังเกตุการณ์ขณะหนังฉาย บอกว่าคนก็หัวเราะอยู่หลายตอน และหัวเราะคล้าย ๆ กับบ้านเรา
สำหรับรอบฉายของหนังไทยทั้งหมด ตอนนี้ บอดี้ศพ # 19 ได้รอบดีที่สุด คือเวลา 22.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ตั๋วราคาที่แพงที่สุดค่ะ
โปรดติดตามตอนต่อไป รูปภาพจะตามมาเช่นกัน |
