Roman Polanski : A Film Memoir
โดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนไม่ได้รู้สึกเทิดทูนหรือชอบผู้กำกับโรมัน โปลันสกี้ อะไรเป็นพิเศษ เพราะมาเจอพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลของเขาหลายอย่าง ....ที่คานส์นี้แหล่ะ อย่างแรกก็อยู่ดี ๆ วอล์คเอาท์เฉยเลย ครั้งที่สองก็เพราะข่าวลือที่บอกว่า The Pianist ได้รับรางวัลปาล์มดอร์นั้นเป็นการพลิกโผ โดยกรรมการส่วนใหญ่ไม่ได้ตัดสินให้เรื่องนี้ได้รางวัล แต่เพราะประธานเปลี่ยนโผเพราะมีส่วนได้ส่วนเสียกับคนลงทุนในหนังเรื่องนี้ ถ้าจะรู้สึกดีบ้าง ก็เพราะเขากำกับหนังดีหลายเรื่อง และตัวเองเป็นคนชอบนาตาชา คินสกี้ ก็เลยทำให้ชอบ Tess การเข้าไปดูสารคดีเรื่องนี้ Roman Polanski : A Film Memoir ก็เพราะเวลาว่างพอดี อยากดูหนังอะไรที่ไม่ใช่ประกวดบ้างในวันแรก
จากความไม่คาดหวังอะไรเลย ก็เลยทำให้รู้สึกว่า สารคดีเรื่องนี้มีอะไรที่มากกว่าตัวเองคิดไว้เยอะ ด้วยประสบการณ์ชีวิตอันโชกโชนของโปลันสกี้เอง ตั้งงแต่การต้องเผชิญสงครามโลกครั้งที่สองในโปแลนด์สมัยเป็นเด็ก จนถึงการที่ภรรยาท้องแก่ถูกฆาตกรรมที่อเมริกา รวมทั้งการที่ต้องเผชิญหน้ากับสื่อในภาวะต่าง ๆ ตั้งแต่ครั้งนี้ ว่าไปแล้วเรื่องที่เขาถูกจับฐานหนีคดีกระทำผู้เยาว์เมื่อ 33 ปีก่อนนั้นเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไป และถ้าสารคดีตัดเรื่องนี้ไปได้ มันอาจจะกลายเป็นสารคดีที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้
แต่สิ่งที่ตัวเองรู้สึกชอบอย่างมากก็คือ โรมัน โปลันสกี้ เป็นนักเล่าเรื่องอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งผ่านวาจา การเก็บบันทึกภาพในอดีตและผ่านภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ของเขา
ส่วนที่ดีที่สุดของสารคดีเรื่องนี้ก็คือ การนำำฟุตเทจหนังเก่า และภาพเก่า ๆ ทั้งของโปลันสกี้เอง กับภาพข่าวต่าง มาเชื่อมโยงระหว่างชีวิตของโปลันสกี้เองกับแรงบันดาลใจที่เขาได้ถ่ายทอดออกมาเป็นหนัง ภาพในวัยเด็กที่โปแลนด์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างมากในภาพยนตร์ปาล์มดอร์เรื่อง The Pianist (2002) ซึ่งโปลันสกี้เองก็บอกว่า "เป็นหนังที่เขาอยากให้นำมาฝังศพตอนตัวเองตายไปแล้วด้วยกัน) รวมทั้งในหนัง Oliver Twist (2005) Tess (1979) จนกล่าวได้ว่า ชีวิตและประสบการณ์ของเขาได้ถ่ายทอดออกมาเป็นหนังได้อย่างถึงที่สุด ....หลายตอนที่จะทำให้น้ำตาไหลอย่างไม่รู้สึกตัว
แม้หนังพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงที่มาของคดีกระทำชำเราผู้เยาว์เมื่อ 33 ปีก่อน โดยนำเสนอเรื่องราวของการถูกสื่อล่วงเลยสิทธิทั้งตัวโปลันสกี้และซาแมนธา อดีตสาวน้อยเมื่อ 33 ปีก่อน แต่สิ่งทีท ำให้เรารู้สึก ก็คือ ไม่ว่าเขาจะเจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตมาอย่างไร โปลันสกี้ก็จะลุกขึ้นได้อีกครั้ง แถมดีกว่าเก่าด้วยซ้ำ ทั้งนี้เพราะเขาได้เอาวิญญาณ เลือดน้อยของตัวเองใส่ในหนัง ...นี่เป็นหนังที่คนในวงการบันเทิงควรดูเพื่อนำมาเป็นอุทาหรณ์ในการที่จะล้มแล้วลุก และคงจะมีเพียงไม่กี่คนที่จะเป็น นักเล่าเรื่อง ที่สามารถรวมทั้งชีวิตและจิตใจในหนังได้ดีเท่าเขา ....โปลันสกี้ |