ก่อนอื่น ขอบอกก่อนว่าบทวิจารณ์ที่กำลังจะเขียนถึง Re-cycle ของอ๊อกไซด์ และแดนนี่ ปังต่อไปนี้ เป็นการดูเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จากความยาวรวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 52 นาที ไม่ใช่เพราะวอล์กเอาท์หรืออะไรทั้งสิ้น แต่เพราะตัวเองดูได้แค่นั้น ต้องรีบไปขึ้นรถไฟกลับโรม เพื่อกลับมาจัดการเรื่องวีซ่าในเมืองไทย
อันที่จริงแล้ว ตัวเองไม่ได้คาดหวังหนังเรื่องนี้เท่าไรนัก คิดไว้ว่าคงเป็นเพียงหนังผีที่ดีขึ้นเรื่องหนึ่งเท่านั้น คล้าย ๆ กับเรื่อง Pulse ของคิโยชิ คุโรซาว่า ได้รับการคัดเลือกเข้าเมืองคานส์เมื่อหลายปีก่อน
แต่เมื่อรู้ว่า นี่เป็นหนังปิดในสาย Un Certain Regard ของเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้ ก็คิดไว้ว่า อืมน่าจะมีอะไรมากไปกว่านั้น
หนึ่งชั่วโมงครี่งกับ Re-cycle นั้น ดิฉันพบว่าอ๊อกไซด์กับแดนนี่ทำงานดีขึ้น ไม่ใช่งานส่วย ๆ อย่างที่เราเห็นในหลายปีหลัง ๆ นี้ และไม่ได้ขายการตัดต่อ (เพียงลูกเดียว) เหมือนอย่างเคย
Re-cycle กลายเป็นหนังผีที่พี่น้องคู่นี้พยายามพิถีพิถันกับงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ การกำกับศิลป์ การใช้ดนตรี การใช้มุมกล้อง เรียกได้ว่าเป็นการใช้สไตล์ล้วน ๆ
เรื่องเริ่มขึ้น เมื่อนักเขียนสาวนามติงหยินกำลังพูดคุยกับผู้จัดการสำนักพิมพ์กับผลงานเรื่องใหม่ของเธอ เป็นหนังผีเรื่อง The Re-cycle แตกต่างจากงานเขียนของเธอก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นหนังรัก
ในงานแถลงข่าว ติงหยินยอมรับว่าเรื่องราวความรักในนวนิยายของเธอ นำมาจากชีวิตจริงส่วนหนึ่ง เมื่อนักข่าวพยายามถามว่าหนุ่มผู้นั้นตัวจริงเป็นใคร เธอกล่าวแต่เพียงว่า เขาไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาเข้ามาพูดคุยกับติงหยิน แต่เธอเดินจากเขาไป
เขาคืออดีตคนรักของเธอ (นำแสดงโดยเจ เจตริน) ที่กล่าวว่า ได้หย่าขาดกับภรรยาแล้ว
ติงหยินพยายามหันหลังให้กับชีวิตในอดีต เริ่มต้นกับงานเขียนชิ้นใหม่ The Re-cycle และในขณะที่เธอเริ่มงานเขียนชิ้นนี้ เธอได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด ไม่ว่าจะเป็นผมยาวที่อยู่ตามโต๊ะ เสียงแปลกประหลาดมาตามสายโทรศัพท์ หรือแม้แต่เงาลึกลับ
แม้จะมีความหวาดกลัว แต่ติงหยินกลับฉวยโอกาสให้เป็นประโยชน์ เธอเริ่มบันทึกเหตุการณ์นั้นลงเป็นบทประพันธ์ใหม่ของเธอ
แต่โลกแห่งความจริงไม่อาจดึงรั้งติงหยินอีกต่อไป ขณะเดินทางกลับบ้านและขึ้นลิฟท์ในคืนหนึ่ง เธอถูกชักนำไปสู่โลกแปลกประหลาด โลกของผู้หรือสิ่งที่ถูกทอดทิ้ง และที่สำคัญมันเป็นโลกแห่งวิญญาณที่เธอเป็นเพียงผู้แปลกหน้า
ชายชราลึกลับคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาบอกให้เธอออกจากโลกนี้ไปเสีย เพราะนี่ไม่ใช่โลกของเธอ
ก่อนที่เขาจะสั่งทิ้งท้ายว่า เธอเป็นผู้กำหนดให้ตนเองมาอยู่ตรงที่นี้เอง จากการเขียนบทประพันธ์เรื่อง The Re-cycle นั่นเอง
ติงหยินเผชิญหน้ากับโลกแห่งวิญญาณหลากรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโลกของเล่นที่ถูกทิ้ง เด็กที่ถูกทำแท้ง และเธอเกือบจะเอาชีวิตไปไม่รอดอยู่หลายครั้ง ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
ดิฉันดูถึงตอนที่เด็กหญิงตัวน้อยพยายามพาติงหยินผ่านโลกวิญญาณ และโลกแห่งความลึกลับทุกรูปแบบ เพื่อไปสู่ทรานซิท จุดเปลี่ยนที่จะนำเธอไปสู่โลกแห่งความจริง
ติงหยินจะทำได้หรือไม่ ดิฉันเองก็ไม่รู้ ก็คงจะต้องลุ้นเท่า ๆ กับคนอ่านเหมือนกัน
ในงานชิ้นใหม่นี้ เห็นได้ชัดว่าอ๊อกไซด์กับแดนนี่พยายามสร้างสถานการณ์เข้มข้นที่บีบคั้นอารมณ์คนดูและตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นการใช้มุมกล้องหรือการตัดต่อ อย่างตอนที่พบกับนักข่าวนั้น ทั้งซีเควนซ์นั้นมีแต่การใช้กล้องโคลสอัพไปที่นักข่าวและติงหยิน พร้อมกับการตัดต่ออย่างฉับไหว
ตอนที่เผชิญหน้ากับผีนั้น เขาทั้งคู่ก็ทำได้ดีในการสร้างสภาวะจู่โจมเพื่อให้คนดูรู้สึกตกใจ เหมือนกับหนังผีหลาย ๆ เรื่อง ถ้าจะมีปัญหาอยู่บ้าง ก็คือฉากผีบางฉากนั้นไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่จำมาจากหนังผีญี่ปุ่นบ้าง เกาหลีบ้างอยู่ 2-3 ตอน
และเมื่อมาถึงโลกแห่งวิญญาณหรือถ้าจะกล่าวให้ถูกก็คือโลกแฟนตาซีนั้น มันกลับเน้นภาพที่สุดโต่ง มีการนำสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟ็คมาช่วยอย่างเห็นได้ชัด
จนอาจเรียกได้ว่า แทบทั้งเรื่อง เราดูด้วยความตื่นเต้น และตื่นตาตื่นใจแทบตลอดเวลา ถ้าจะน่าเบื่ออยู่บ้าง ก็ตอนที่เธอต้องเผชิญหน้ากับเหล่าผีหลากรูปแบบในการล่าหาจุดทรานสิทเข้าสู่โลกแห่งความจริง และความพยายามในการใช้ดนตรีอย่างเร่งเร้า จนดูน่ารำคาญมากกว่า

สิ่งที่ดีที่สุดในหนังเรื่องนี้ กลับเป็นการถ่ายภาพและการกำกับศิลป์ ซึ่งเป็นฝีมือของเดชา ศรีมันตา และคนไทยอีกคน (จดชื่อไม่ทัน)
ความจริงแล้ว ตอนแรกที่ดูหนังเรื่องนี้ กลับจะไม่จัดเป็นหนังร่วมสร้าง ไทย ฮ่องกง เพราะทั้งเรื่องพูดภาษากวางตุ้งกันหมด แถมให้เจเป็นหนุ่มจีน พากย์ทับเสียภาษาไทยเป็นภาษากวางตุ้งเสียอีก
แต่พอเห็นทีมงานส่วนหนึ่งเป็นคนไทย ไม่ว่าจะเป็นมือกล้อง กำกับศิลป์ ดนตรี (พยนต์ เพิ่มสิทธิ์) รวมทั้งโปรดิวเซอร์หลายคนเป็นคนไทย ก็เลยตั้งจัดกลุ่มเป็นหนังร่วมผลิตไทย - ฮ่องกงอยู่ดี
หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าพี่น้องคู่นี้มีอนาคตไกลในฮอลลีวู้ดอย่างแน่นอน เพราะควบคุมเทคนิคและสไตล์ได้อยู่ ดูหนังเรื่องนี้ความรู้สึกเหมือนดูหนังฮอลลีวู้ด
แต่อย่างไรก็ตาม ตามประสาความลุ่มลึกของเนื้อเรื่องคงยังไม่มีอยู่ดี แล้วเรามันก็เป็นพวกเนื้อหาต้องมาคู่กับสไตล์ด้วย จึงจะเป็นหนังเจ๋งจริง
สองดาวครึ่งค่ะสำหรับ The Re-cycle |